แม่เลี้ยงเดี่ยววัย 15 จี้ตำรวจลากคอกอดีตสามี ท้องแล้วทิ้ง สุดหยามโพสต์หวานแฟนใหม่

แม่เลี้ยงเดี่ยววัย 15 จี้ตำรวจลากคอกอดีตสามี ท้องแล้วทิ้ง บอกว่าจะให้เดือนละ 3,000 ก็เงียบ สุดหยามโพสต์หวานแฟนใหม่

วันนี้ (26 ก.พ.66) น.ส. ฟ้า(นามสมุติ) อายุ 15 ปี ชาว จ.สุรินทร์ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงความคืบหน้าคดีที่เคยคบหานายวีระศักดิ์ ชาว จ.สุราษฎร์ธานี และฝ่ายชายได้มาอาศัยอยู่ด้วยกันไม่นานที่บ้านของฝ่ายหญิง ก่อนที่จะตั้งท้อง แต่ฝ่ายชายบอกจะรับผิดชอบ พร้อมจะส่งเสียค่าเลี้ยงดุให้เดือนละ 3,000 บาท ก่อนขอตัวกลับไป จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากนั้นไม่ยอมติดต่อกลับมาอีกเลย จนคลอดลูกชาย ซึ่งขณะนี้มีอายุประมาณ 2 เดือน ทำให้ฝ่ายหญิงต้องเลี้ยงดูแลลูกอย่างยากลำบาก เพราะฐานะทางบ้านที่ยากจนอีกด้วย

โดย น.ส.ฟ้า เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 ก.พ.66 ที่ผ่านมา นางอารียา อายุ 45 ปี แม่ของตนเอง ได้พาตนเองเดินทางไปติดตามคดีและร้องทุกข์ กับ ร.ต.ท.ชวลิต แสงงาม พนักงานสอบสวน สภ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ กรณีที่ตนเองได้เคยแจ้งความไว้ เมื่อวันที่ 25 ม.ค.66 ที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนั้น ตนอายุ 14 ปี ได้คบหากับนายวีระศักดิ์ ชาว สุราษฎร์ธานี ซึ่งอยู่ในระหว่างที่คบหากันอยู่นั้น นายวีระศักดิ์และตนเอง ต่างก็ได้ไปมาหาสู่กันและผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้รับทราบ และเมื่อประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 นายวีระศักดิ์ ได้พาตนเดินทางไปพบบิดาและมารดาของของฝ่ายชายที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยที่แม่ของตนไม่ได้ให้ความยินยอมแต่อย่างใด กระทั่งเมื่อช่วงต้นปี 2565 ตนได้ตั้งครรภ์และได้คลอดบุตรเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.65 ซึ่งในระหว่างที่ตนได้ตั้งครรภ์อยู่นั้น นายวีระศักดิ์ ได้ตกลงที่จะรับผิดชอบและยินยอมที่จะส่งเสียค่าเลี้ยงดูด้วยการโอนเงินสดให้กับตนเองเป็นรายเดือน ในอัตราเดือนละ 3,000 บาท

แต่หลังจากที่ตนได้คลอดบุตร ออกมาแล้ว นายวีระศักดิ์ ก็ไม่ได้ส่งเสียค่าเลี้ยงดูบุตรของตนเองตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้แต่อย่างใด แม่จึงได้พามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์และติดตามคดี ให้ จนท.ตำรวจ เร่งดำเนินคดีกับนายวีระศักดิ์ ตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด 

นางอารียา มารดาของ น.ส.ฟ้า กล่าวว่า หลังจากที่ตนเองได้พาลูกสาวมาแจ้งความและออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวน แต่เรื่องกลับเงียบไปเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นและนายวีระศักดิ์ อดีตแฟน น.ส.ฟ้า ยังโพสต์รูปภาพกับแฟนใหม่อย่างมีความสุขและเหมือนกับไม่สะทกสะท้านอะไรเลย ตนเองจึงได้พาลูกสาวมาติดตามคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เร่งดำเนินคดีให้ถึงที่สุดโดยเร็ว

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า ได้มีการออกหมายเรียกไปแล้วครั้งที่ 1 หลังจากที่้ได้รับแจ้งและในห้วงเดือนมีนาคม 2566 ก็จะเป็นการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และหากว่าฝ่ายชายยังไม่ยอมเข้ามาพบ จนท.ตำรวจตามหมายเรียกอก คาดว่าในห้วงเดือนเมษายน 2566 ก็คงต้องมีการออกหมายจับและตั้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาได้รับทราบ ตามที่ผู้ร้องมา อย่างไรก็ตาม ในห้วงที่ออกหมายเรียก ทางผู้ถูกกล่าวหาก็อาจจะได้รับหมายเรียกช้า เพราะอยู่ในพื้นที่ห่างไกลก็เป็นได้ ซึ่งต้องรอดูและติดตามอีกระยะ จนท.ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด