เปิดพินัยกรรม “เสี่ยปาน 30 ล้าน” เขียนไว้อย่างไร ให้ใครบ้าง “มด” ลุยฟ้องยักยอกทรัพย์

จากกรณี เสี่ยปาน 30 ล้าน หนุ่มถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เจ็บป่วยจนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 พ.ค.65 ทิ้งมรดกทั้งบ้าน ที่ดิน เงินสดกว่า 10 ล้านบาทเอาไว้ โดยหลังจากเสี่ยปานเสียชีวิตได้เขียนพินัยกรรมให้พี่สาวเป็นผู้จัดการมรดก

แต่เรื่องกลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง เมื่ออดีตภรรยาเสี่ยปานออกมาเรียกร้องขอความยุติธรรมให้กับลูกชายวัย 8 ขวบ ลูกชายของเสี่ยปาน ตอนนี้ไม่ได้ค่าเลี้ยงดูเดือนละ 7,000 บาทและเงินตามพินัยกรรมที่เขียนไว้แล้วอีก 2 ล้านบาท หลังจากเสี่ยปานเสียชีวิตไปแล้ว

ล่าสุด เมื่อวานนี้ (9 มี.ค.) มด อดีตภรรยาเสี่ยปาน ชี้แจงถึงเรื่องนี้และนำเอกสารเป็นสำเนาพินัยกรรมของเสี่ยปาน ใบแจ้งความดำเนินคดีกับพี่สาวเสี่ยปาน ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกในข้อหายักยอกทรัพย์ โดยในพินัยกรรมของเสี่ยปานที่ทำไว้ก่อนเสียชีวิต มีใจความสรุปได้ว่า

“บ้านและที่ดิน 10 ไร่ที่เป็นที่ตั้งบ้านขุนวรเดช ให้ผู้จัดการมรดกเป็นผู้ขาย จำหน่ายถ่ายโอน แล้วนำเงินที่ได้จากการขาย แบ่งให้น้องเกาลัด ซึ่งเป็นลูกชายเสี่ยปาน 3,000,000 บาท โดยแบ่งเป็นเงินสด 2,000,000 บาท โอนเข้าบัญชี ส่วนอีก 1,000,000 บาทให้โอนให้ลูกชาย เดือนละ 7,000 บาทไปจนกว่าจะครบ 20 ปีบริบูรณ์”

มด กล่าวว่า พินัยกรรมได้ทำเอาไว้ที่โรงพยาบาลหนองหานเมื่อ 19 มีนาคม 2565 และเสียชีวิตเมื่อ 13 พ.ค. 65 ในพินัยกรรมได้ระบุว่า

บ้านและที่ดิน 10 ไร่ที่เป็นที่ตั้งบ้านขุนวรเดช ให้ผู้จัดการมรดกเป็นผู้ขาย จำหน่ายถ่ายโอน แล้วนำเงินที่ได้จากการขาย แบ่งให้น้องเกาลัด ซึ่งเป็นลูกชายเสี่ยปาน 3,000,000 บาท โดยแบ่งเป็นเงินสด 2,000,000 บาท โอนเข้าบัญชี ส่วนอีก 1,000,000 บาทให้โอนให้ลูกชาย เดือนละ 7,000 บาทไปจนกว่าจะครบ 20 ปีบริบูรณ์

มดบอกีกว่า ซึ่งนับตั้งแต่ เสี่ยปานตายไป ก็ไม่ได้รับเงินตามที่พินัยกรรมระบุเอาไว้ ติดต่อได้บ้างไม่ได้บ้าง เมื่อติดต่อได้ก็จะได้พูดคุยเพียงแค่สั้นๆ แล้วพี่สาวเสี่ยปานก็รีบวางสายทันที กระทั่งล่าสุดทราบว่า มีการซื้อขายที่ดินแปลงที่ระบุในพินัยกรรม คือบ้านและที่ดินจำนวน 10 ไร่ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.65 มีการซื้อขายไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 65 ตนจึงไปแจ้งความข้อหายักยอกทรัพย์ ที่ สภ.หนองหานเอาไว้ วงเงิน 2 ล้านบาท และมีการแจ้งความยักยอกทรัพย์ ในวงเงิน 7 พันบาท เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 66นับจากวันนั้น จนถึงวันนี้ ไม่เคยได้เงินแม้แต่บาทเดียว ตนจึงต้องออกมา เรียกร้องสิทธิ์ของลูกชายของหนู และต้องการสิทธิ์ ในส่วนที่พินัยกรรมระบุเอาไว้เท่านั้น