อ.เจษฎ์ ย้ำอีกครั้ง “บ่งต้อด้วยหนาม” ไม่ใช่หลักแพทย์สากล หลังกลับมาฮิตตามละครดัง

อ.เจษฎ์ เตือนกระแสบ่งหนามที่หลัง ไม่ใช่วิธีรักษาโรคต้อตาตามหลักการแพทย์สากล เตือนไม่เกิดประโยชน์แถมอาจเป็นโทษ แนะผู้ป่วยปรึกษาจักษุแพทย์

อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ระบุว่า กระแสละครเรื่อง “หมอหลวง” ซึ่งเกี่ยวกับการแพทย์ในสมัยรัชกาลที่ 3 กำลังมาแรง เลยทำให้มีการโปรโมตวิธีการ “ใช้หนามหวาย รักษาโรคตา” กันใหญ่ ตามพวกคลินิคที่อ้างการรักษาแบบทางเลือกครับ

ซึ่งก็ต้องขอเตือนอีกครั้งนะครับ ว่า ในทางการแพทย์แผนปัจจุบันนั้น การบ่งหนามที่ไหล่ที่หลัง ไม่ได้จะรักษาโรคดวงตาได้จริงครับ ถ้าใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา ควรจะรีบไปปรึกษาจักษุแพทย์ เพื่อการรักษาอย่างถูกต้อง ในเวลาที่เหมาะสม ไม่ล่าช้าเกินไป

เอาโพสต์เก่าที่เคยเขียนเตือนไว้ มาให้ดูอีกครั้งนะครับ “การบ่งต้อด้วยหนาม ไม่ใช่วิธีรักษาโรคต้อตา ตามการแพทย์สากลครับ”

มีทางบ้านส่งคลิปเกี่ยวกับการรักษาโรคต้อ ของดวงตา ด้วยวิธีการ “บ่งต้อด้วยหนามหวาย” ซึ่งอ้างว่าสามารถดูแลรักษาได้ทั้งต้อหิน ต้อลม ต้อเนื้อ ตากระจก ตาเสื่อม ตาพร่ามัว ฯลฯ มันมีวิธีการรักษาแบบนี้ด้วยหรือ และน่าไปรักษาด้วยวิธีบ่งต้อนี่ดีมั้ย ?

คือวิธีการดังกล่าวนี้ ไม่ใช่วิธีการของจักษุแพทย์ตามการแพทย์สากลครับ (ผมจึงไม่แนะนำให้ไปทำ) แต่ปรากฏเป็นวิธีการของแพทย์แผนไทย ซึ่งผลการศึกษาของกระทรวงสาธารณสุขนั้น ก็ไม่ได้บอกว่าได้ผลดี ผลครอบจักรวาลต้อ อย่างที่อ้างกันนะ

1. ผลการตรวจสอบเรื่อง “บ่งต้อด้วยหนามหวาย รักษาโรคดวงตา ต้อลม ต้อเนื้อ วุ้นในตาเสื่อม และความผิดปกติอื่นๆ กับดวงตาได้” ของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมแห่งประเทศไทย กับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่าเรื่องนี้จัดเป็น “ข่าวบิดเบือน”

– กรมการแพทย์แผนไทยฯ ชี้แจงว่า การบ่งต้อ เป็นความรู้ความสามารถ สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ด้านเวชกรรมไทย แต่ยังไม่มีการศึกษาถึงประสิทธิผลของการรักษาทางคลินิก

– ตอนนี้ มีเพียงข้อมูลการศึกษาในผู้ป่วย “ต้อกระจก” ชนิดเดียว จำนวน 20 ราย (เป็นการศึกษาเพียง 1 กลุ่มตัวอย่าง โดยไม่มีกลุ่มควบคุมเปรียบเทียบ) วัดผลการศึกษาโดยการใช้แบบสัมภาษณ์ผู้ป่วย พบว่า อาการคันตา ตาแห้ง แสบตา หายไป ร้อยละ 30.00 อาการน้ำตาไหล มีขี้ตา ตาแฉะ หายไป ร้อยละ 25.00 ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการดีขึ้น มองเห็นได้ชัดขึ้น และมีความพึงพอใจต่อผลการรักษาในระดับมากที่สุด

– และมีการศึกษาความพึงพอใจของผู้เข้ารับการรักษาโรคตาด้วยวิธีการบ่งต้อด้วยหนามหวาย ที่โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร พบว่า ระดับความพึงพอใจอยู่ในเกณฑ์ที่สูงในระดับมากที่สุดทุกประเด็น

2. รายการ ชัวร์ก่อนแชร์ ของสำนักข่าวไทย ได้เคยทำการตรวจสอบประเด็นนี้กับจักษุแพทย์ และระบุว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรแชร์ต่อ

– ทางรายการได้ไปสัมภาษณ์ความเห็นของ ศาสตราจารย์วุฒิคุณ นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย โดยระบุว่า ที่มีการอ้างว่าสามารถนำหนามมาบ่งเพื่อรักษาโรคตานั้น ทางการแพทย์ปัจจุบัน ถือว่าไม่จริงครับ

– โรคของตาแต่ละโรค เช่น โรคต้อชนิดต่างๆ มีลักษณะและต้นเหตุแตกต่างกัน ซึ่งการไปสะกิด(เส้นเอ็น)ที่หลัง ด้วยหนามหวายหรือวัสดุที่มีความแหลมนั้น ทางการแพทย์ปัจจุบันไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงไปที่ดวงตาเลย

– โดยทั่วไป การรักษาโรคต้อต่างๆ ตามวิธีทางการแพทย์ปัจจุบัน สามารถรักษาให้ดวงตากลับมาเป็นปรกติได้ มากกว่า 90% เลย

– ในขณะที่ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ไปเสียเวลากับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง ก็จะเป็นอันตรายต่อดวงตาได้ เกิดภาวะตาบอดตามมาได้

#สรุปก็คือ ในทางการแพทย์ปัจจุบัน ไม่พบว่าการบ่งหนามที่หลังจะเกี่ยวข้องกับการรักษาโรคดวงตาได้จริง ซึ่งนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์แล้ว ยังอาจจะเป็นโทษอันเนื่องจากเสียโอกาสในการรักษาอย่างถูกต้อง ในเวลาที่เหมาะสม ไม่ล่าช้าเกินไป … ไม่ควรเชื่อ ไม่ควรแชร์ต่อ

พร้อมระบุด้วยว่า ดูละคร “หมอหลวง” แล้วไม่ต้องอินมากนะครับ ฮะๆ หลายอย่างก็ดีในเชิงความรู้ศาสตร์แพทย์แผนไทย ศาสตร์สมุนไพร … แต่หลายอย่างมันก็เหมาะกับสมัยก่อนเท่านั้น สมัยนี้ไปรักษากับแพทย์แผนปัจจุบันน่าจะดีกว่าครับ อย่างเรื่อง “บ่งหนามที่หลัง รักษาโรคที่ตา” นี่แหละครับ