นายกรัฐมนตรีอุลฟ์ คริสเตอร์สัน ได้เรียกกองทัพเข้ามาช่วยปราบปรามคดีอาชญากรรมรุนแรงในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
อาชญากรในสวีเดนไม่ได้ชักชวนและจัดหาอาวุธให้เด็กๆ เพื่อฆ่าคนเท่านั้น แต่เด็กๆ ตอนนี้ยังเขียนจดหมายติดต่อแก๊งอาชญากรรมเพื่อหางานเป็นมือปืนรับจ้าง ผู้บัญชาการตํารวจ Anders Thornberg กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุฆาตกรรมถึงแก่ชีวิตมากที่สุดในรอบ 4 ปี
การระเบิดและการยิงปืนเป็นเรื่องธรรมดาแม้แต่ในชุมชนระดับสูง Thornberg ระบุด้วยความเศร้าใจว่า มีการฆ่าคนถึง 12 ศพในเดือนนี้ ทําให้เป็นเดือนที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในรอบ 4 ปี
ในปีที่แล้ว มีผู้ถูกยิงเสียชีวิตถึง 60 คนในสวีเดน – สถิติสูงสุดที่น่าจะถูกทําลายในปีนี้ – และมีผู้เสียชีวิตอีก 3 คนในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนการแถลงข่าวของ Thornberg
เด็กที่ตกอยู่ในแก๊งจะได้รับอาวุธและแม้กระทั่งที่อยู่ที่ต้องการให้มีการฆาตกรรมจากแก๊งที่ “โหดเหี้ยม” ควบคุมโลกใต้ดิน ส่งผลให้จํานวนเด็กอายุต่ํากว่า 18 ปีที่ถูกควบคุมตัวโดยหน่วยงานของสวีเดนเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่าระหว่างเดือนสิงหาคม 2564 ถึงเดือนที่แล้ว
Mats Lindstrom เจ้าหน้าที่ตํารวจอาวุโส ยืนยันข้ออ้างของ Thornberg เกี่ยวกับเยาวชนที่เขียนจดหมายถึงแก๊งอาชญากรรมที่ชื่นชอบเพื่อหางานเป็นมือปืนรับจ้าง บ่อยครั้งที่เหยื่อของการฆาตกรรมโดยเด็กมีอายุน้อยมากเช่นกัน
ในขณะที่แก๊งได้รบกวนสวีเดนมาหลายปีแล้ว การกระทําที่รุนแรงของพวกเขา – ต่อกันเอง ต่อผู้บริสุทธิ์ และต่อเด็กที่พวกเขาหลอกลวง – ดูเหมือนจะเพิ่มความเร็วมากขึ้นเท่านั้น ในหนึ่งสัปดาห์ของเดือนกันยายน มีผู้ถูกยิง 6 รายและอีกรายหนึ่งเกือบหลบหนีการถูกยิงพ้น – ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงในบริเวณอุปซาลาและสตอกโฮล์มเท่านั้น
Thornberg อธิบายความรุนแรงที่แพร่กระจายในประเทศเป็น “ไม่เคยปรากฏมาก่อน” ยืนยันว่ามันไม่มีสิ่งใดเทียบเท่าที่ใดในยุโรป – หรือในประวัติศาสตร์สวีเดน
นายกรัฐมนตรี Ulf Kristersson ได้ดําเนินมาตรการผิดปกติ (สําหรับสวีเดน) โดยเรียกกองทัพเข้ามาช่วยตํารวจที่ขาดแคลนกําลังพล “ล่าสังหาร” และโค่นล้มแก๊งมาเฟีย ในการปราศรัยทางโทรทัศน์เมื่อต้นสัปดาห์นี้ เขากล่าวว่า “สวีเดนไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน ประเทศอื่นๆ ในยุโรปไม่มีใครเห็นอะไรเช่นนี้” ซ้ําคําพูดของผู้บัญชาการตํารวจ
กฎหมายของสวีเดนไม่ได้ออกแบบมาเพื่อสงครามแก๊งและทหารเด็ก
รัฐบาลจะแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านั้นโดยการให้อํานาจตํารวจมากขึ้น ลงโทษอาชญากรด้วยโทษจําคุกที่ยาวนานขึ้น และคุ้มครองพยานที่ให้การกล่าวหาพวกเขาดีขึ้น นายกรัฐมนตรีสัญญา
ในขณะที่รัฐบาลของ Kristersson เข้ามามีอํานาจด้วยมติมอบหมายให้กําจัดอาชญากรรมที่ลุกลาม นโยบายของเขาจนถึงตอนนี้ทําให้ระดับความรุนแรงลดลงน้อยมาก ในขณะที่เขาโทษมันว่าเป็น “นโยบายการอพยพแบบไร้ความรับผิดชอบและการผสมกลมกลืนที่ล้มเหลว” ของคนก่อนหน