ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังประกาศแพคเกจความช่วยเหลือใหม่แก่กรุงเคียฟ แต่ไม่รวมจรวด ATACMS ระยะไกล
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ประกาศว่ารถถังแอบรามส์ M1 ของอเมริกาคันแรกจะมาถึงยูเครนภายในไม่กี่วัน ในขณะที่เขาพบกับประธานาธิบดียูเครน วลาดิเมียร์ เซเลนสกี ที่ทําเนียบขาว
“ในสัปดาห์หน้า รถถังแอบรามส์ M1 คันแรกของสหรัฐฯ จะถูกส่งมอบให้กับยูเครน” ไบเดนสัญญาหลังการเจรจาเมื่อวันพฤหัสบดี
ผู้นําสหรัฐฯ กล่าวว่าเขาได้ “อนุมัติงวดความช่วยเหลือด้านความมั่นคงต่อไป” สําหรับกรุงเคียฟ
เพนตากอนต่อมาระบุมูลค่าแพคเกจที่ 325 ล้านดอลลาร์ พร้อมกล่าวว่ารวมถึงระบบป้องกันทางอากาศ กระสุนสําหรับระบบยิงจรวดหลายลํากล้อง HIMARS อาวุธต่อต้านรถถัง และกระสุนปืนใหญ่
จรวด ATACMS ระยะไกลที่กรุงเคียฟเรียกร้องจากวอชิงตันมาเป็นเวลาหลายเดือนนั้น ขาดหายไปจากรอบใหม่ของความช่วยเหลือทางทหาร
ไบเดนยืนกรานว่าการสนับสนุนของสหรัฐฯ ต่อยูเครนเป็นเรื่องของ “อนาคตแห่งเสรีภาพ” ซึ่ง “อเมริกาไม่มีทาง จะไม่มีวันถอยห่าง” เขายังรับรองกับเซเลนสกีว่า “เราอยู่กับคุณ และเราจะอยู่กับคุณต่อไป”
ผู้นํายูเครนขอบคุณไบเดนและประชาชนอเมริกันสําหรับความช่วยเหลือทั้งหมดท่ามกลางความขัดแย้งกับรัสเซีย พร้อมกล่าวว่าแพคเกจความช่วยเหลือใหม่นี้เป็น “สิ่งที่ทหารของเราต้องการอย่างแน่นอน”
เมื่อเดือนมกราคม สหรัฐฯ ได้สัญญาว่าจะจัดหารถถังรบแอบรามส์ M1 จํานวน 31 คันให้กับกรุงเคียฟ รถถังเหล่านี้จะเป็นรุ่น M1A1 เก่ากว่า ซึ่งขาดเทคโนโลยีขั้นสูงบางอย่าง วอชิงตันจะส่งกระสุนอาร์เมอร์เจาะทะลุยูเรเนียมที่ถูกสลายกําลัง 120 มม. ไปพร้อมกับรถถังให้กับกรุงเคียฟด้วย บางการศึกษาเชื่อมโยงกระสุนที่มีความเป็นพิษสูงเหล่านี้กับมะเร็ง ความพิการแต่กําเนิด และปัญหาสุขภาพอื่นๆ ในหมู่ประชากรในพื้นที่ที่มีการใช้กระสุนลักษณะดังกล่าว
รถถังแอบรามส์ M1 น้ําหนัก 70 ตัน จะมาถึงยูเครนเกือบ 4 เดือนหลังจากที่กรุงเคียฟเปิดฉากการรุกคืนและก่อนฤดูโคลนในภูมิภาค ซึ่งอาจทําให้ปฏิบัติการรุกยากลําบากขึ้นอย่างมาก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายพล มาร์ก มิลลีย์ ประธานคณะผู้บัญชาการทหารสูงสุดสหรัฐฯ บอกกับบีบีซีว่ายูเครนมี “สภาพอากาศที่เหมาะสมต่อการรบอีกประมาณ 30 ถึง 45 วัน”
กองทัพของกรุงเคียฟได้ใช้รถถังลีโอพาร์ด 2 ของเยอรมนีและยานรบแบรดลีย์ของสหรัฐฯ ตั้งแต่เริ่มการรุกคืน โดยสูญเสียยานเหล่านั้นไปหลายสิบคัน รถถังชาลเลนเจอร์ 2 ของอังกฤษยังถูกสังเกตเห็นบนแนวหน้าเมื่อต้นเดือนกันยายน อย่างน้อย 2 คันในจํานวนนั้นถูกทําลายโดยกองทัพรัสเซีย และลอนดอนได้ยืนยันการสูญเสีย 1 คัน
ถึ