Starbucks (NASDAQ: SBUX) ประสบความสําเร็จอย่างมากในไตรมาสที่สี่ของปีบัญชี ซึ่งเป็นผลมาจากความนิยมของกาแฟพุมพินสไปซ์และครอยสซังแอปเปิ้ล ทําให้มีรายได้เป็นสถิติใหม่ แต่บริษัทคาดว่าการเติบโตอาจชะลอตัวในปีหน้าเนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจระดับโลก
สําหรับช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน รายได้เพิ่มขึ้น 11% เป็น 9.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เกินกว่าประมาณการของนักวิเคราะห์ที่ 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สําหรับทั้งปีบัญชี รายได้ของสตาร์บัคส์เพิ่มขึ้น 11.6% เป็น 35.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ บริษัทคาดว่าการเติบโตของรายได้ในปีบัญชีถัดไปจะอยู่ที่ระดับต่ําสุดของช่วง 10-12%
ซีอีโอของสตาร์บัคส์ ลักซ์มัน นาราสิมฮัน กล่าวว่า ความสําเร็จนั้นเกิดจากกาแฟพุมพินสไปซ์ซึ่งเฉลิมฉลองวันครบรอบที่ 20 ในปีนี้ ทําให้มียอดขายต่อสัปดาห์สูงสุดตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยอดขายสาขาเดียวกันทั่วโลกเพิ่มขึ้น 8% เกินกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 6.8% และแนวโน้มนี้ยังคงดําเนินต่อไปตลอดทั้งปี
มองข้างหน้า สตาร์บัคส์คาดการณ์ว่ายอดขายสาขาเดียวกันจะเติบโตระหว่าง 5-7% ในปีบัญชีถัดไป ขณะที่นายนาราสิมฮันจะติดตามอย่างใกล้ชิดถึงการเปลี่ยนแปลงของความต้องการของผู้บริโภคต่อสภาวะเศรษฐกิจ
ใน ไตรมาสที่สี่ของปีบัญชี ยอดขายสาขาเดียวกันในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 8% พร้อมด้วยการเพิ่มขึ้น 2% ของจํานวนลูกค้า และการใช้จ่ายต่อคนที่สูงขึ้นสําหรับอาหารและเครื่องดื่มที่ดัดแปลงตามความต้องการ แต่สตาร์บัคส์คาดว่าการเติบโตจะชะลอตัวเหลือระหว่าง 5-7% ในปีบัญชีถัดไป
นายนาราสิมฮันยกย่องการปรับปรุงสาขาในอเมริกาเหนือซึ่งช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มยอดขาย โดยโครงการ 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐนี้ได้นําเข้าสถานีทํางานและอุปกรณ์ใหม่เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตเครื่องดื่มแบบไม่ต้องร้อน ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของยอดขายในสหรัฐอเมริกา
ในจีน ซึ่งเป็นตลาดรองลําดับสอง ยอดขายสาขาเดียวกันเพิ่มขึ้น 2% พร้อมกับการเพิ่มขึ้น 4% ของจํานวนลูกค้า ถึงแม้ว่าลูกค้าจะใช้จ่ายต่อครั้งน้อยลงเนื่องจากมีสินค้าประเภทอื่นน้อยลง แต่สตาร์บัคส์ก็เห็นการเติบโตของยอดขายเร่งขึ้นในครึ่งหลังของปีบัญชี พร้อมกับยอดขายเช้าวันทําการกลับมาสูงกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 บริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายสาขาเดียวกันในจีนจะเติบโต 4-6% ในปีบัญชีถัดไป เพิ่มขึ้นจากอัตรา 2% ในปี 2566
สตาร์บัคส์ยังคงขยายสาขาต่อไป โดยเปิดสาขาใหม่สุทธิ 816 แห่งในไตรมาส และสิ้นสุดปีบัญชีด้วยจํานวนสาขาทั่วโลกเกิน 38,000 แห่ง บริษัทมีเป้าหมายที่จะมีสาขา 41,000 แห่งภายในสิ้นปีบัญชี 2567