“ไทยรักไทย Gen1” ผงาด “สุดารัตน์-สมคิด” แยกทางนำพรรค

สัปดาห์นี้เป็นฤกษ์ดีที่ 2 พรรคใหม่จัดอีเวนต์สำคัญ ได้แก่ งานคิดสร้างอนาคตไทย ของพรรคสร้างอนาคตไทยที่เปิดตัว “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เป็นประธานพรรคและแคนดิเดตนายกฯ และการประชุมใหญ่วิสามัญ พรรคไทยสร้างไทย ที่มีมติเลือกคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งทั้งคู่เคยสังกัดพรรคไทยรักไทยในยุคบุกเบิกมาด้วยกัน

วันที่ 9 เดือน 9 พรรคไทยสร้างไทยประชุมใหญ่วิสามัญมีมติเลือก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นหัวหน้าพรรค น.ต.ศิธา ทิวารี เป็นเลขาธิการพรรค ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ เป็นโฆษกพรรค สุวดี พันธุ์พานิช เป็นเหรัญญิก ธวัชชัย สุทธิบงกช เป็นนายทะเบียนพรรค และรองหัวหน้าพรรคอีก 11 คน อาทิ สุพันธุ์ มงคลสุธี, ประวัฒน์ อุตตะโมช, ต่อพงษ์ ไชยสาส์น, พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ, นาถยา แดงบุหงา พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรครวม 50 คน ด้านโภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา กล่าวบนเวทีว่าพรรคจะสนับสนุนให้คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรค

คุณหญิงสุดารัตน์ แสดงวิสัยทัศน์ว่า ขอให้ประสบการณ์การเมืองกว่า 30 ปีมานำพรรค เพื่อร่วมกับเปลี่ยนประเทศไทย สร้างชีวิตที่ดีกว่าให้ประชาชนคนไทยให้สำเร็จ และขออาสาเหนื่อยแทนประชาชนทุกคน จะไม่ปล่อยให้ต้องสู้กับความลำบากยากจนตามยะถากรรม จะทำให้ประชาชนหายจน หมดหนี้ และมีรายได้ยั่งยืน ที่ผ่านมา 90 ปีของประชาธิปไตยไทยวนเวียนอยู่กับการรัฐประหารยึดอำนาจ พรรคการเมืองจำนวนมากที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่ไม่เคยลุกขึ้นมาปกป้องประชาชน แต่กลับไปร่วมมือกับระบบอำนาจนิยมเบียดเบียนประชาชน โดยเฉพาะ 8 ปีนี้ กระบวนการยุติธรรมถูกบิดเบือน มีการคอร์รัปชัน ระบบรัฐราชการรับใช้อำนาจนิยม จนทำให้ความเหลื่อมล้ำของไทยสูงติดอันดับโลก หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง จนประชาชนแทบจะเดินต่อไม่ได้ นี่คือช่วงเวลาที่ทุกข์ยากที่สุดตั้งแต่ตนทำงานการเมืองมา พรรคไทยสร้างไทยจะสร้างประเทศไทยที่ดีที่สุดเพื่อส่งมอบให้คนรุ่นหลัง และก้าวข้ามความขัดแย้งมาสร้างเศรษฐกิจ ดูแลประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีตั้งแต่เกิดจนแก่ ปลดล็อกประเทศให้เดินหน้าให้ได้ ภายใต้ Empathy Democracy

ทั้งนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ประกาศปลดล็อกประเทศ 4 ด้านได้แก่ ปลดล็อกวิกฤตการเมือง เปลี่ยนระบบราชการให้รับใช้ประชาชน พักใช้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการทำมาหากิน และปราบปรามคอร์รัปชัน ภายใต้ 2 หลักการคือ ปลดปล่อย (Liberate) และสร้างพลัง (Empower) ให้ประชาชนคนตัวเล็ก และเสนอ 5 กองทุนได้แก่

  • กองทุนปลดล็อกหนี้เสีย
  • กองทุน SMEs เพื่อเติมทุน
  • กองทุน Startup เพื่อช่วยเหลือคนรุ่นใหม่
  • กองทุนวิสาหกิจชุมชน
  • และกองทุนเครดิตประชาชนหรือกองทุนคนตัวเล็ก

พร้อมนโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาทและ 30 บาทสุขภาพดีถ้วนหน้า โดยเคยทำสำเร็จจาก 30 บาทรักษาทุกโรคมาแล้ว วันนี้จะทำต่อให้คนไทยสุขภาพดียิ่งขึ้น นโยบายเรียนฟรีจนถึงปริญญาตรีและพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เท่าเทียม
พร้อมวางเป้าหมายการสร้างรายได้ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางใน 7 ด้าน คือ

  1. ศูนย์กลางอาหารคุณภาพป้อนคนทั่วโลก
  2. ศูนย์กลางสุขภาพและ WELLNESS
  3. ศูนย์กลางการท่องเที่ยว
  4. ศูนย์กลางคมนาคมและโลจิสติกส์ของภูมิภาค
  5. ศูนย์กลางถิ่นพำนักระยะยาวที่คนเก่ง ทั้งพวกดิจิทัลโนแมด หรือมหาเศรษฐีมาอยู่อาศัย และ WORK FROM THAILAND
  6. ศูนย์กลางอุตสาหกรรมใหม่โดยใช้วิกฤต SUPPLY CHAIN ดึงดูดการผลิตอุตสาหกรรมแบบใหม่ๆเข้ามาลงทุนเช่นอุตสาหกรรมรถ EV เซมิคอนดักเตอร์ฯ
  7. และศูนย์กลางการลงทุนด้านดิจิตอล DIGITAL

“ในการเลือกตั้งขอเชิญพี่น้องประชาชนกาไทยสร้างไทยทั้งคนทั้งเขต เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยให้สำเร็จ ขอพี่น้องชาวไทยที่รักทุกคน เชิญชวนพิสูจน์ให้พวกอำนาจนิยมเห็นและคนทั่วโลกเห็นว่าหัวใจเรายิ่งใหญ่เพียงใด ยิ่งใหญ่จนสามารถเปลี่ยนความเลวร้ายของประเทศไปสู่ความดีงามสร้างความสุขที่ยิ่งใหญ่ให้คนไทยได้ พรรคไทยสร้างไทยขออาสาเป็นกองหน้าทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ และขอให้สมาชิกพรรคทุกคนไปจับมือร่วมกันสร้างประเทศไทยให้ดีกว่าให้กับทุกคนให้สำเร็จ” สุดารัตน์ กล่าว

ทั้งนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์ หลังการประชุมว่า พรรคจะเดินหน้าต่อไปไม่ว่ากติกาแบบไหน และยืนยันจะเป็นทางเลือกใหม่เพื่อเป็นทางออกให้ประชาชนที่ไม่ต้องจมอยู่กับวงจรอุบาทว์ ท่ามกลางความขัดแย้งของ 2 ขั้วการเมืองอีกฝั่งก็ติดหล่ม อีกฝั่งก็ติดล็อก และจะไม่เป็นนั่งร้านให้เผด็จการสืบทอดอำนาจแน่นอน ส่วนจะรวมกับพรรคอื่นไหม คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยเป็นมิตรกับทุกคน ความแตกแยกที่ผ่านมาเพียงพอแล้ว พรรคการเมืองแม้จะต่างความคิด แต่ควรร่วมมือกันทำเพื่อประชาชน เมื่อถึงตอนนั้นแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้เราเดินหน้าพรรคไทยสร้างไทยอย่างเต็มที่

สมคิดขอเดินสายกลาง

วันที่ 8 เดือน 9 พรรคสร้างอนาคตไทยจัดงาน #คิดสร้างอนาคตไทย เปิดตัว “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” นั่งประธานพรรค ซึ่ง อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ประกาศว่าจะชู สมคิด เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรค

สมคิด ได้เดินทางมาพร้อมกับลูกชายคนเล็ก คือ ณฉัตร จาตุศรีพิทักษ์ หรือ น้องคลัง โดยสมคิดกล่าวว่า วันนี้ตนพาลูกชายคนเล็กมาด้วย เพื่อให้เป็นประจักษ์พยาน ได้เห็น และรู้ว่าการสร้างพรรคการเมืองที่ดีมีจริง ให้เขาเรียนรู้ว่าการทำพรรคการเมืองไม่ใช่ของง่าย ต้องการให้เข้าใจว่าทำไมพ่อเขาต้องกลับมาช่วยเหลือน้องๆ ทั้งหมดล้วนเป็นภารกิจหน้าที่ทั้งนั้น ไม่ใช่เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตำแหน่งนายกฯ ไม่มีความหมายเลย แต่ที่มีความหมายคือการเป็นผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทย ประเทศไทยมีนายกฯ มาทุกยุคทุกสมัย ดีบ้าง อ่อนบ้าง แต่ยากที่จะหาผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่พัฒนาบ้านเมืองอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพราะเขาไม่กล้า แต่เพราะพลังไม่ถึง บางคนพลังถึงแต่ไม่คิดที่จะทำ เพราะมี Agenda อย่างอื่นมากกว่า

สมคิดขอบคุณพรรคที่มีความเด็ดเดี่ยวที่กล้าประกาศตนเป็นพรรคสายกลาง ไม่คิดสุดโต่งสุดขั้ว แบ่งฝ่าย แบ่งสี แบ่งกลุ่ม ที่มีแต่จะทำลายตัวเอง บ้านเมือง และพลังของชาติที่จะแก้ไข และสร้างอนาคตให้ชาติ ซึ่งพรรคการเมืองที่ไม่มีโครงสร้างปัญญามีแต่โครงสร้างอำนาจ ตัวเองก็จะไปไม่รอด หนำซ้ำจะพาชาติบ้านเมืองไม่รอดไปด้วย

สมคิด กล่าวว่าจะตั้งกองทุนสร้างอนาคตไทย เพื่อช่วยเหลือคนยากลำบากในระยะเร่งด่วน และกองทุนเพื่ออนาคตคนไทยกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในภาคเกษตรกรรม แต่กลับมีส่วนในจีดีพีน้อย จึงไม่มีกำลังซื้อ เราจึงต้องเปลี่ยนแปลง และช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ นอกจากนี้ ยังต้องปฏิรูปการท่องเที่ยว และทำให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินในชุมชน เมื่อเชื่อมต่อระหว่างการเกษตรยุคใหม่ และการท่องเที่ยว มีหรือที่ชีวิตความเป็นอยู่จะไม่ดีขึ้น ทั้งนี้ ความผิดไม่ได้อยู่ที่การประกัน หรือการจำนำ แต่อยู่ที่การคอร์รัปชั่น จึงต้องปฏิรูปให้ชัดเจน อนาคตข้างหน้าเครื่องยนต์เศรษฐกิจไม่ได้อยู่ที่บริษัทใหญ่ๆ แต่อยู่ที่ทุกคน จึงต้องมีเรื่องของอินเตอร์เน็ต บิ๊กดาต้า และเทคโนโลยี กองทุนกองที่สองจะต้องเข้าไปหนุน และยกเครื่องทั้งหมด พร้อมทั้งกระจายงบและอำนาจซึ่งเป็นหัวใจของการสร้างความเข้มแข็งของการสร้างเศรษฐกิจภายใน

นอกจากนี้ ยังเห็นว่าสภาคือหัวใจ ที่ต้องรื้อกฎหมายเก่า และสร้างกฎหมายใหม่ แก้ไขรัฐธรรมนูญ การเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญไม่ใช่แค่กติกาการเลือกตั้ง แต่ต้องรีฟอร์มครั้งใหญ่ ทั้งการกระจายอำนาจ งบประมาณ และระบบราชการ เพื่อให้ไปสู่ทิศทางข้างหน้าให้ได้ ต้องไม่ใช่จากใครที่มาเขียนรัฐธรรมนูญ ต้องให้คนทุกเพศ ทุกวัยเข้ามามีส่วนร่วม รวมถึงคนรุ่นใหม่ พรรคสร้างอนาคตไทยจะต้องดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพราะพรรคจะโตขึ้นจากการที่ประชาชนให้การสนับสนุน กลายเป็นพลังที่อยู่ข้างหลัง จนพรรคใหญ่ก็ต้องฟัง

“อย่าหวงอำนาจ หวงตำแหน่ง การที่ประสบความสำเร็จ อย่าแสวงหาอำนาจ ต้องแสวงหาคน อย่ามาบอกว่า 7 คน 1 ที่นั่ง ผมไม่ฟัง ถ้ามี ส.ส.คนไหนในพรรคที่เดินออกนอกลู่นอกทาง พร้อมทรยศอุดมการณ์ ขอให้อุตตม ใช้มติกรรมการบริหารพรรคไล่ออกไปเลย เราต้องเป็นพรรคของประชาชนที่แท้จริง ต้องทำให้ดีที่สุด และเราต้องไม่มีศัตรู ต้องมีมิตร เราไม่ได้เก่งคนเดียว คนอื่นเขาก็เก่งเหมือนกัน คนไทยรอไม่ได้ มันมาถึงจุดนี้ถ้ายังทำแบบนี้ต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง ลูกหลานคงไปอยู่เมืองนอก” สมคิด กล่าว