“เปิ้ล หัทยา” เผยครั้งแรก! คำพูด “ลูกหนัง” วันที่ตัดสินใจถอนตัววงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี

เดินทางมาร่วมพิธีบวงสรวงละครแห่งปี ซุปตาร์ 2550 งานนี้บรรดาสื่อก็เลยไม่พลาดที่จะเข้าไปจ่อไมค์ถามอัปเดตข่าวคราว ทั้งเรื่องการทำงาน และเรื่องราวของลูกสาวฝาแฝด ลูกหนุน ศุภรา ลูกหนัง ศีตลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเด็น การตัดสินใจถอนตัวจากวงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี H1-KEY (ไฮ-คีย์) หลังเดบิวต์พร้อมเพื่อนๆ สมาชิกเพียงไม่นาน ซึ่งทั้งหมดนี้ เปิ้ล-หัทยา วงษ์กระจ่าง ในฐานะคนเป็นแม่ ได้เปิดใจให้เราฟังว่า…

พี่เปิ้ลกลับมารับงานละครแล้ว ?
“ตอนนี้ถ่ายอยู่เรื่องนึงค่ะ และจริงๆ พี่ก็มีงานที่ทำอยู่หลายงานเหมือนกัน คือถ้าเวลาได้บทได้พี่ก็โอเค แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูด้วยว่างานหลักของเราคืออะไร เพราะพี่เองก็มีงานวิทยุ งานคอนเสิร์ต งานอีเวนต์ เป็นหลัก ส่วนงานตรงไหนที่มีเวลาไปได้พี่ก็ไป เพราะการได้เปลี่ยนบรรยากาศมันก็ดีเหมือนกันค่ะ”

คุณแม่คัมแบคแล้ว น้องๆ สองคน ลูกหนุน – ลูกหนัง ก็เริ่มทำงานด้วยเหมือนกัน ?
“น้องหนุนเพิ่งปิดกล้องกับทางเวิร์คพอยท์ไปเลยค่ะ เป็นเรื่องแรกของเขาด้วย คือคนนี้เขาจะมีวิธีคิดของเขาว่า ขอเรียนจบก่อน จบแล้วค่อยรับงาน (ยิ้ม)”

น้องชอบไหมได้เล่นละครจริงจังครั้งแรก ?
“เรื่องที่เขาเล่นน่าจะเจอบทหนักนะคะ เจอบทหนักเลย (หัวเราะ) แต่ส่วนตัวพี่คิดว่าทีมงานต่างๆ ก็น่าจะช่วยกันเต็มที่นะคะ เพราะทางเวิร์คพอยท์เองก็วางแผนมาดี มีทั้งไปเรียน ไปนู่นไปนี่ อีกอย่างน้องหนุนเองก็มีความตั้งใจอยู่แล้วด้วย เขาเป็นคนที่ชอบเล่นดนตรี ชอบร้องเพลง และก็ชอบการเล่นละคร”

เปิ้ล หัทยา

แสดงว่าน้องก็น่าจะไปต่อกับเส้นทางนี้ได้เลย ?
“น่าจะค่ะ น่าจะ แต่พี่ยังไม่ได้เห็นผลงานเขาเลยนะ เคยไปหาที่กองแค่ 2-3 ครั้งเอง (หัวเราะ) จริงๆ เขาเป็นเด็กที่รับซึมซับสิ่งที่พี่ตั้วเคยบอกนะคะ คืออยู่ที่กองต้องมีวินัย ไม่เล่นมือถือ ตามรอยที่พ่อเขาสอนทุกอย่าง คนนี้ตามรอย”

เหมือนเขาไม่อยากทำให้คุณพ่อคุณแม่เสียชื่อด้วย ?
“เขาก็อยากทำให้ดีค่ะ และเขาก็คงคิดอยู่แล้วว่าเขาเป็นคนใหม่ เพิ่งจะเคยเล่นละครเรื่องแรก ดังนั้นเขาคงมีความตั้งใจค่ะ”

น้องอีกคนเป็นยังไงบ้าง ?
“สำหรับน้องหนัง เหลืออีก 2 วิชาก็จบแล้วค่ะ และก็คงจะสอบที่เกาหลีให้จบ ใกล้จะจบแล้ว”

เขามีแพลนหรือมีความตั้งใจอะไรในอนาคตอีกไหม ?
“น้องหนังก็อาจจะเป็นอีกแบบหนึ่ง ก็คือก็อาจจะบอบช้ำกับเรื่องที่ตัวเองเจอ และก็คิดว่าไม่อยากให้ตัวเองไปสร้างความหนักใจให้กับทีมงานหรือว่าเพื่อนร่วมทีม เขาก็เลยคิดว่าเอาตัวเขาเองออกมาก่อนดีกว่าแล้วเดี๋ยวค่อยว่ากัน”

ย้อนกลับไปตอนนั้น น้องใช้เวลาในการตัดสินใจเรื่องนี้นานไหม ?
“นานค่ะ คือพี่เปิ้ลคิดว่าเป็นสิ่งที่หนักสำหรับเด็กคนหนึ่งเลยแหละ แต่พี่เปิ้ลก็เคารพการตัดสินใจของเขานะ เขาบอกว่า ‘เขาอยากหยุด อยากอยู่นิ่งๆ ก่อนแม่ เพื่อแบบให้คนอื่นเขาได้ไปต่อ ถ้าหากตัวเขาเองทำให้คนอื่นหนักใจ’ แต่จริงๆ แล้ว พี่ก็เคารพการตัดสินใจของเขานะ”

ในฐานะแม่เรากลัวไหมว่าเรื่องนี้จะเป็นปมในใจของน้อง และทำให้เขาไม่กล้ารับงานในวงการ ?”
“ก็มีบ้างนะคะ ก็มีบ้าง ก็ต้องบอกกับน้องอ่ะค่ะว่าต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และเราก็คงจะต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

กังวลไหมว่าเรื่องนี้มีผลต่ออนาคตของน้อง ?
“เอ่อ…พี่ว่าเดี๋ยวเขาคงคิดแหละค่ะ แต่ตอนนี้เขายังเหลือเรื่องการเรียนอีก 2 วิชา ที่เขาอยากทำให้สำเร็จก่อน หลังจากนั้นเดี๋ยวเขาก็คงตัดสินใจว่าจะยังไงต่อไป แต่จริงๆ ตัวเขาเองก็ได้มีการเขียนเพลงให้กับสมาชิกที่เขาเคยทำงานด้วยนะคะ มีทำนู่นทำนี่ของเขาค่ะ”

น้องยังมีความมุ่งมั่นที่อยากจะทำงานในเกาหลีไหม ?
“เขาอยากอยู่ในเกาหลีนะ พี่เปิ้ลรู้สึกว่าเหมือนเขาเองก็คุ้นชินกับเพื่อนๆ กับชีวิตที่นั่นแล้ว และเขาเองก็เติบโตที่นั่นมาตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัย”

ลูกหนัง ศีตลา

ให้กำลังในและซัพพอร์ตลูกยังไงบ้าง ?
“ให้กำลังค่ะ เพราะเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร ต้องคุยกันนาน ต้องอธิบายกันยาวนาน และก็ต้องฟังเขาด้วย เขาเองก็เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีความคิดอีกแบบ ก็ต้องฟังเขาค่ะ”

ช่วงที่เจอกับดราม่าหนักๆ เขามาระบายหรือมีน้ำตากับเรื่องนี้ไหม ?
“เยอะค่ะ เขาเครียด คือจริงๆ เขาเจอเรื่องหนักมาตั้งแต่ตอนซ้อมแล้วค่ะ แต่มาหนักสุดก็ตอนที่เจอเรื่องนี้นี่แหละค่ะ”

ตอนนี้สภาพจิตใจน้องโอเคขึ้นหรือยัง ?
“ลึกๆ พี่เปิ้ลไม่แน่ใจนะ แต่ไม่น่า 100 เปอร์เซ็นต์ เพียงแต่เขาเองก็คงมองแนวทางว่าเขาจะยังไงต่อไปกับชีวิตเขา”

เป้าหมายตอนนี้คือขอเรียนให้จบก่อน ?
“ใช่ค่ะ ใกล้จบแล้วเหลืออีกแค่ 2 วิชา”

เป็นไปได้ไหมว่าอาจจะชวนน้องกลับไทย ?
“เขาก็มาไทยนะคะ ช่วงที่ครบรอบเสียชีวิตพี่ตั้ว 2 ปี เขาก็กลับมา ยังไปๆ มาๆ ส่วนเรื่องทำงานยังไม่เคยได้คุยเลยค่ะ อีกอย่างตัวเขาเองก็มีมุมมองของเขาเองด้วย เขามีเพื่อนที่นั่นเยอะ สังคมส่วนใหญ่ของเขาอยู่ที่นั่น”