เปิดใจ หนุ่ม นศ. เจอยายหลานจะเดินฝ่าแดดกลับบ้าน 12 กม. อาสาพาไปส่งฟรีถึงที่

ชื่นชม นศ.วิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ พบยายกับหลานวัยขวบเศษจะเดินฝ่าแดดกว่า 12 กม. กลับบ้าน หลังไปยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

จากกรณีเฟซบุ๊กชื่อว่า วา’หวั่น’น ได้โพสต์ภาพตัวเองกับหญิงชราและเด็กเล็กวัยประมาณขวบเศษ พร้อมระบุข้อความว่า “สิ่งที่ไม่เคยขาดจากตัวผมก็คือ “น้ำใจ” เจอยายเดินอุ้มหลานอยู่ตรงแยกแสงรุ้งบุรีรัมย์ ยายบอกว่ามายืนยันตัวตนสวัสดิการแห่งรัฐที่ธนาคาร รอตาขับซาเล้งมารับกลับบ้าน ตาไม่มาสักทีตั้งแต่บ่าย 1 โทรหาตา ตาไม่รับสาย

ยายว่าตาน่าจะมัวไปดู หรือไม่ก็รอรับหลานอีกคนที่โรงเรียน ผมเลยอาสาส่งยายกับหลาน เพราะว่ากว่าตาจะมา ผมกลัวหลานร้องไห้ง่วงนอน แดดร้อนด้วย ผมเลยจัดให้ส่งฟรีถึงบ้านโคกระกาน้อยสวายจีก #บทชีวิตคนเราย่อมเเตกต่างกันไป แต่น้ำใจเราควรมีกันทุกคน”

ในเวลาต่อมาได้มีชาวเน็ตแชร์และเข้ามาคอมเมนต์เป็นจำนวนมาก ทุกคนต่างชื่นชมในความมีน้ำใจที่ดีงาม จนกระทั่งทราบต่อมาว่าหนุ่มคนดังกล่าวเป็นนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ และทำงานหารายได้เสริมด้วยการเป็นไรเดอร์วิ่งรับส่งอาหารในเขตตัวเมืองบุรีรัมย์

ล่าสุด วันนี้ (11 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบ นายอถพล วงศ์เลิศ อายุ 20 ปี นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ สาขางานเทคนิคยานยนต์ไฟฟ้า ปวส.2 กำลังขับรถรับส่งอาหารอยู่ในเขตตัวเมืองบุรีรัมย์

โดย นายอถพล เล่าว่า ปกติทุกวันจะพกเสื้อทำงานใส่ในกระเป๋าหนังสือไปด้วย วันไหนเลิกเรียนไม่ค่ำก็จะสวมเสื้อแล้วทำงานทันที วันที่เจอยายเป็นวันที่ 10 มี.ค. เวลาประมาณ 15.00 น. ช่วงนั้นตัวเองกำลังจะขับรถกลับบ้าน ช่วงที่มาจอดติดไฟแดงบริเวณสี่แยกแสงรุ้ง เห็นยายอายุประมาณ 65 ปี อุ้มหลานชายอายุขวบเศษ เดินฝ่าแสงแดดจะข้ามถนน ลักษณะเหมือนจะเหน็ดเหนื่อย

จึงถามว่า “ยายจะไปไหน” ยายตอบว่าจะไปสวายจีก ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 12 กิโลเมตร ตนจึงอาสาไปส่งให้ถึงบ้าน ยายบอกว่าไม่มีเงิน จึงบอกไปว่า “ผมไม่คิดเงิน” และให้ยายกับหลานซ้อนท้ายจักรยานยนต์ไปด้วย

ระหว่างทางยายได้เล่าให้ฟังว่า ตอนเช้าตนกับสามีและหลานได้ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างจากบ้านเพื่อจะมายืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ธนาคาร แต่เกิดการล่าช้า เนื่องจากที่ธนาคารมีคนเป็นจำนวนมาก

เวลา 12.00 น. จึงให้สามีขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านไปก่อน เพื่อไปดูควายที่เลี้ยงไว้กลางทุ่งนา หลังจากตนยืนยันตัวตนเสร็จสิ้น ได้โทรศัพท์หาสามีให้มารับแต่ไม่มีใครรับสาย จึงอุ้มหลานเดินมาเรื่อยๆ กะว่าจะมาเจอกับสามีระหว่างทาง จนกระทั่งมาเจอตน

นายอถพล เล่าด้วยว่า ที่ผ่านมาเคยช่วยเหลือคนในลักษณะนี้เป็นประจำ ไม่เคยเก็บเงิน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เอาภาพไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ดีใจที่มีคนเข้าชื่นชม ส่วนตนยังคงจะทำความดีแบบนี้อีกต่อไป