“อัจฉริยะ” แจ้งความดำเนินคดี “ทนายเดชา” เป็นคดีที่ 5

อัจฉริยะ แจ้งความเอาผิดทนายเดชาหมิ่นเป็นคดีที่ 5 จ่อฟ้องสื่อพาดพิงลูกเมียเสียหาย เผย ยังรอแม่แตงโมถอนฟ้อง-แฉขายเรือลำที่ช่วยไปแล้ว

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมนำพยานบุคคลและเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.พระประแดง เพื่อดำเนินคดีกับนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา กรณีมีการกล่าวหาว่าตนเองหลอกลวง นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน หรือแม่แตงโมเรื่องคลิปหลักฐานว่าแตงโมถูกฆาตกรรมจนนำไปสู่การฟ้องตรงเอาผิดกับคนบนเรือ ทั้งที่แม่แตงโมได้เซ็นหนังสือมอบอำนาจให้ตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงเห็นว่าการออกมาพูดลอยๆ กล่าวหาทำให้ตนเองต้องใช้สิทธิ์ในการดำเนินคดี ซึ่งการดำเนินคดีวันนี้เป็นคดีที่ 5 และสัปดาห์หน้าจะมีอีก1คดี รวมแล้วจะมีการแจ้งดำเนินคดีประมาณ 15 คดี กระจายตามโรงพักทั่วประเทศ

พร้อมเตรียมดำเนินคดีกับทีวีช่องหนึ่งที่มีการไลฟ์สดสัมภาษณ์โดยมีการพูดพาดพิงถึงภรรยาและลูกของตนเองแบบเสียหาย สร้างความไม่สบายใจให้ตนเองและครอบครัวอย่างมากจึงจำเป็นต้องดำเนินคดี แต่ย้ำว่าตนเองกับสื่อไม่ใช่คู่ขัดแย้งกันแต่เห็นว่าอยากได้เรทติ้งก็ต้องอยู่ในกรอบที่เหมาะสมคำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคลของคนอื่นด้วย และหากมีการขอโทษก็จะไม่ยอมรับคำขอโทษต้องกราบเท้าอย่างเดียวเพราะสิ่งที่บุคคลนี้ให้สัมภาษณ์เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ โดยเฉพาะการที่คนนี้บอกว่าถ้าใครซื้อเสื้อไปใส่ตำรวจจะต้องกลัวทั้งประเทศไม่กล้าดำเนินคดี เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามตำรวจด้วย

นายอัจฉริยะ กล่าวว่าในส่วนของการฟ้องตรงเอาผิดกับคนบนเรือคดีฆาตกรรมนั้นต้องรอดูว่าแม่แตงโมจะถอนฟ้องหรือไม่หากวันที่ 20ก.ค.นี้ศาลพิจารณาแล้วว่าตนเองไม่มีอำนาจก็จะยุติและไม่ยุ่งกับคดีแต่คลิปและพยานหลักฐานต่างๆ ตนเองก็จะเก็บไว้ใช้ต่อสู้กรณีที่ถูกคนบนเรือฟ้องกลับ พร้อมระบุว่าอยากให้มีการตรวจหาคราบเลือดบนเรือลำที่เกิดเหตุโดยมีหน่วยงานกลาง ผู้เชี่ยวชาญเช่น พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ตลอดสื่อมวลชนร่วมตรวจสอบด้วย

ส่วนเรือที่อีกลำที่มาช่วยทราบว่าขณะนี้มีการขายไปแล้ว พร้อมย้ำว่า ตนเองไม่มีคลิปกรีดขาแตงโมแต่มีหลักฐานอื่นที่บ่งบอกได้ว่าเป็นการฆาตกรรม ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ ส่วนกรณีที่ตนเองไปการร้องตำรวจ ปปป.เพื่อเอาผิดตำรวจภูธรภาค 1 ที่ทำคดีแตงโมนั้นทาง ปปช.นัดเข้าไปให้ข้อมูลในวันที่ 27 มิ.ย.นี้

ส่วนการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงตำรวจ 4 นายทราบว่ายังไม่มีการสรุปเนื่องจากทาง พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ยังไม่ยอมชี้แจงซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าเพราะอะไร นายอัจฉริยะ กล่าวว่ากรณี นายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย หรือ ทนายกุ้ง อยากเข้ามาช่วยเหลือนั้นตนเองไม่ใช่ว่ารังเกียจแต่เนื่องจากทีมทนายกฎหมายของชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมทำงานกันมานานกว่า 10ปี ทุกคนต้องผ่านการฝึกและมีประสบการณ์ ต้องผ่านการตรวจสอบทุกขั้นเพื่อรักษาคุณภาพของชมรมต้องเก่งและเป็นทนายความที่ดีมีความโปร่งใสในการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะไม่มีการเรียกรับเงินจากประชาชน แต่ทนายกฤษณะ ยังไม่ผ่านการตรวจสอบทางคณะกรรมการของชมรมจึงมีมติว่าไม่อยากให้ทนายกฤษณะเข้ามายุ่ง

ส่วนทนายษิทรา หลังจากเจอที่รายการโหนกระแสก็ยังไม่ได้คุยกันอีก ซึ่งตนเองก็เข้าใจว่าอยากช่วยแต่มองว่า ทนายษิทรา เองก็น่าจะมีหลักฐานและรูปถ่ายเรือเพราะทราบว่าหลังเกิดเหตุทนายษิทรา ก็ไปดูเรือที่อู่ด้วย