หนุ่มอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี หลอกขายสินค้าทิพย์เหยื่อสูญนับล้าน

รวบเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีเก๊หลอกขายสินค้าทิพย์เหยื่อสูญกว่า 1.5 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 06.45 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.คมกริช เงินคุณด้วง สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.สัญญลักษณ์ สังขะภักดี สว.สส.ฯ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 1 กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายอาทิตย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ที่อยู่ 25/7 ม.2 ต.ปล้อง อ.เทิง จ.เชียงรายผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ จ.13/2566 ลงวันที่ 10 มกราคม 2566

โดยกล่าวหาว่า”ฉ้อโกง,แสดงตนเป็นคนอื่นและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง” พร้อมของกลางอีก จำนวน 14 รายการ

สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 437/61 แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานครตรวจสอบหมายจับ พบมีหมายจับอื่นอีก 1 ฉบับ

พฤติการณ์การกระทำความผิดกล่าวคือ เมื่อเดือนกันยายน 2564 ผู้ต้องหาได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีหลอกลวงผู้เสียหาย โดยอ้างว่าตนเองเป็นนายหน้า ได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของโรงงานที่ต้องการจะขายเครื่องจักรอุตสาหกรรม มาเสนอขายเครื่องจักรอุตสาหกรรมให้กับผู้เสียหายในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้นัดทำสัญญาซื้อขายและจ่ายเงินสด จำนวน 1,500,000 บาท ที่กรมบังคับคดี บางขุนนนท์ และเมื่อผู้เสียหายส่งมอบเงินให้ผู้ต้องหาแล้ว ผู้เสียหายได้ไปติดต่อที่โรงงาน ปรากฎว่าเจ้าของโรงงานไม่ทราบถึงการซื้อขายดังกล่าว และไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้ จึงทราบว่าถูกผู้ต้องหาหลอกลวงเอาทรัพย์ไป จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดลาดตระเวนออนไลน์ สืบนครบาลได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีมาเช่าห้องพักอยู่ที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 35 แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและจับกุมผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการซักถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมให้ข้อมูลว่า ผู้ต้องหาจะติดต่อเหยื่อผ่านทางโทรศัพท์มือถือ หลังจากนั้นมีการพูดคุยกันผ่านแอปพลิเคชันไลน์ โดยผู้ต้องหาจะใช้ไลน์ชื่อ “ธนพล โจโจ้” ในการติดต่อกับผู้เสียหาย สร้างความน่าเชื่อถือโดยการบอกว่าตนเองเป็นเจ้าพนักงานกรมบังคับคดี รวมถึงการส่งรูปเอกสารต่างๆ จนทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ โดยผู้ต้องหาจะสวมใส่เครื่องแบบข้าราชการพลเรือน โดยที่ไม่ใช่ข้าราชการฯจริง และพาผู้เสียหายไปทำสัญญาซื้อขายที่กรมบังคับคดี แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร และได้รับเงินสด จำนวน 1,500,000 บาท โดยที่นำเงินดังกล่าวไปให้ นายโต้ง ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งนายโต้ง เป็นผู้นำเอกสารสัญญาการซื้อขายเครื่องจักรมาให้ตนเพื่อไปทำสัญญาการซื้อขายกับผู้เสียหาย โดยที่ตนได้เงินส่วนแบ่ง จำนวน 200,000 บาท หลังจากได้เงินมาก็นำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนบางขุนนนท์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย