“สุดารัตน์” ชี้ ไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายโลก 5 เรื่องใหญ่ ที่ผู้นำประเทศต้องเข้าใจ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงปี ที่ประเทศไทยต้องเผชิญและรับมือกับ 5 ความท้าทายของโลก หากรับมือได้ทันก็รอด แต่หากรับมือไม่ทันก็ร่วง ถ้าผู้นำมีวิสัยทัศน์ วางยุทธศาสตร์ ประเทศให้ดีก็จะสามารถ พลิกวิกฤตโลกให้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทยได้ และสำหรับ 5 วิกฤตและความท้าทายที่กล่าวถึง คือ

1. ความท้าทายของโรคระบาด ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ (Emerging Diseases) อย่างโควิด-19 ที่เป็นปัญหากระทบทั่วโลก ทั้งด้านชีวิต สุขภาพและเศรษฐกิจ ต่อเนื่องเข้าปีที่ 3 มีการล็อกดาวน์ ปิดประเทศ กระทบซัพพลายเชน และรายได้การท่องเที่ยวทั้งโลก
ดังนั้นในวิกฤตโรคระบาด ไทยเราสามารถพลิกวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสได้ เพราะเรามีระบบสาธารณสุขที่ดีมาก เราต้องทำให้ไทยเป็นหลุมหลบภัยจากโรคระบาดให้คนทั้งโลก มาWork from Thailand
เราต้องเป็นศูนย์กลางการรักษาพยาบาล และการส่งเสริมสุขภาพครบวงจรของโลกโดยเฉพาะการชูสมุนไพรไทย ที่คนทั่วโลกให้การยอมรับ

2. ความท้าทายการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ (Climate Change) ที่จะส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลกใบนี้ ทุกประเทศจึงให้ความสำคัญกับการรับมือกับสภาวะโลกร้อน

ไทยต้องปรับตัวให้เกิดการผลิตพลังงานทดแทนอย่างเร่งด่วน สามารถทำได้ไม่ยากเพียงแต่รัฐต้องเลิกเอื้อประโยชน์ให้โรงงานไฟฟ้ารายใหญ่ แล้วหันมาสนับสนุนให้ภาคครัวเรือน,เอกชน และ ท้องถิ่นสามารถผลิตไฟฟ้าของตนเองได้อย่างแท้จริง รวมทั้งการนำของเหลือจากภาคเกษตรมาเปลี่ยนเป็นพลังงาน และBio Plastic ได้อย่างมากมาย ลดการเผาที่ทำให้โลกร้อนและเกิดPM2.5

ทั้งหมดต้องทำอย่างเร่งด่วนเพราะทั้งสหรัฐและยุโรป ได้ผ่านกฎหมายที่จะเก็บภาษีเพิ่มจากผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากโรงงานที่ยังปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภายใน 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบในการส่งออกของธุรกิจ SMEs อย่างมหาศาล

3. ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนประชากรโลก (Population Ageing) ซึ่งไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกของโลก ที่มีสัดส่วนประชากรผู้สูงวัยมากที่สุด อีกทั้งคนไทย “แก่ก่อนรวย” และสุขภาพไม่ดี ดังนั้นนอกจากคนวัยทำงานจะน้อยลง ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลผู้สูงอายุที่เจ็บป่วย ปีละเป็นแสนล้าน

เราจึงต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้ อย่างโครงการ”บำนาญประชาชนเดือนละ 3000 บาท”
ที่ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการยังชีพ ซึ่งต้องเข้าโปรแกรมการสร้างสุขภาพให้แข็งแรง พร้อมทั้งการให้ความรู้ด้านอาชีพและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพแข็งแรงกลับไปทำงานได้ และเงินของผู้สูงอายุเดือนละ 3000 บาท จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้ฟื้นตัว ซึ่งจะยกระดับให้เศรษฐกิจทั้งประเทศดีขึ้นอย่างยั่งยืน

นอกจากนั้น ไทยจะสามารถเป็นศูนย์กลางธุรกิจสุขภาพผู้สูงอายุ “Thai Hospitality” และทำเป็นที่พำนักระยะยาว สำหรับผู้สูงอายุจากทั่วโลกได้อีกด้วย

4. ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่มีความรวดเร็ว (Technology Destruction) ซึ่งเป็นทั้งวิกฤต และโอกาสของโลกยุคใหม่ เพราะปัจจุบันโลกเรากำลังอยู่ในยุคปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI Big Data,  Internet of Things,Robots และQuantum Computing ได้เข้ามามีบทบาทต่อภาคอุตสาหกรรมต่างๆ

ซึ่งไทยต้องเร่งส่งเสริมปรับหลักสูตรการศึกษา ให้เด็กไทยได้เข้าถึงโอกาสเหล่านี้ พร้อมทั้งต้องแก้กฎหมายให้ทันสมัย
ให้รองรับการสร้างธุรกิจจากเทคโนโลยีเหล่านี้ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ Startup ได้ระเบิดศักยภาพของตนเองได้เต็มที่

5. ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงของภูมิศาสตร์โลก (Geopolitics) ที่ส่งผลกระทั่วโลกในหลายๆด้าน ทั้งในด้านดุลอำนาจของ 2 ขั้วอำนาจระหว่างชาติตะวันตก กับตะวันออก ,สงครามรัสเซีย ยูเครน, สงครามการค้า

เราต้องใช้โอกาสนี้ ที่เราเป็นประเทศที่เป็นมิตรที่แน่นแฟ้นกับทั้ง จีนและสหรัฐอเมริกา รวมถึงรัสเซีย วางตำแหน่ง ภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศให้ถูก
และควรจะยืนอยู่กลางความถูกต้อง ค้าขายกับประเทศใดก็ได้ ใครอยากจะมาลงทุนก็ยินดีรับหมด เพื่อดึงดูดการย้ายฐานการผลิต และใช้ทำเลที่ตั้งที่เราอยู่ใจกลางภูมิภาค มาเป็นโอกาสในการทำให้ไทยศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมใหม่ที่ต้องย้ายฐานการผลิต อย่างรถEVและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น