สาวเรียกรถผ่านแอปฯ ถูกข่มขืน คนร้ายโทษคุกแค่ 3 ปี เหยื่อร้องขอ “ประหารหนูเถอะค่ะ”

เพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 เปิดเผยเรื่องราวเตือนภัยเกี่ยวกับคดีที่หญิงเรียกรถจากแอปฯ แต่กลับถูกคนขับพาไปล่วงละเมิด โดนศาลตัดสินจำคุกผู้ก่อเหตุ 3 ปี เทียบไม่ได้กับบาดแผลในจิตใจของฝ่ายหญิง นอกจากนี้ยังสร้างความรู้สึกผิดอย่างมากให้กับคนรักที่ไม่ได้ไปรับแฟนสาวตามที่สัญญากันไว้ จนเกิดเหตุไม่คาดคิด

โพสต์ดังกล่าวของฝ่ายชายแฟนของผู้เสียหาย มีใจความว่า “ขอถือว่ามันเกิดจากตัวของผมเองที่ไม่เป็นคนรักษาคำพูดและให้ความไว้ใจ ความเชื่อใจกับระบบเกินไป”

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงปลายปี 2565 ช่วงเช้ามืดคืนหนึ่ง แฟนสาวได้นัดเจอกับเพื่อน โดยฝ่ายชายรับปากว่าจะไปรับกลับ แต่เมื่อถึงเวลาไม่สามารถไปรับได้ เนื่องจากเขานั้นดื่มกับเพื่อนอยู่อีกที่ เกรงว่าขับออกไปจะเจอด่านหรืออาจไปเป็นภัยบนท้องถนนกับผู้อื่น จึงแนะให้แฟนเรียกแอปฯ รถโดยสารกลับมา

แต่เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เมื่อคนขับพาออกนอกเส้นทางไปมุมมืดที่ติดถนนศรีนครินทร์ จ.สมุทรปราการ  “คนขับรถนั้นได้รับและขับรถไปจอดในสถานที่มุมมืดที่ติดถนนใหญ่ ได้ทำการกักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขืนกระทำชำเราปฏิบัติราวกับพฤติกรรมของสัตว์ที่ไม่สามารถควบคุมความกำหนัดของตนเองได้” ซึ่งจากการลงมือของคนร้าย การรู้จักเลือกสถานที่ใช้ลงมือเป็นมุมมืดที่ติดถนนใหญ่ ไม่แน่ใจว่าอาจจะเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้ว และไม่แน่ว่าอาจมีผู้ถูกล่วงละเมิดคล้ายกันในลักษณะนี้เช่นกันหรือไม่

สิ่งที่อยากเตือนถึงเหยื่อก็คือขอให้ตั้งสติให้ดีรวบรวมหลักฐานที่ใช้ติดตามคนร้ายได้ พาตัวเองไปโรงพยาบาลเพื่อการเก็บหลักฐาน จากนั้นไปแจ้งความกับโรงพักในท้องที่เกิดเหตุ จะยิ่งทำให้คดีนั้นคืบหน้าได้เร็ว และสิ่งที่สำคัญคือต้องรวบรวมสติและกำลังใจให้มากเพื่อที่จะผ่านไปในแต่ละวันหลังเกิดเหตุการณ์ได้

คดีนี้คนร้ายถูกดำเนินคดี และศาลตัดสินจำคุก 3 ปี ยังไม่รวมกระบวนการลดหย่อนโทษต่าง ๆ จึงเกิดคำถามว่า จะเพียงพอไหมที่ให้คนร้ายนั้นได้สำนึก ได้ขัดเกลาจิตใจก่อนกลับคืนสู่สังคมมาอยู่ร่วมกันอีกในภายภาคหน้า 

ภัยสังคมนี้ ขอถือว่าเป็นสิ่งร้ายแรงสำหรับสังคมเราในประเทศที่ระบบขนส่งสาธารณะที่ยังไม่เข้าถึงทุกจุดทุกซอย การเรียกรถจากแอปฯ ย่อมเป็นทางเลือกในการเดินทางเพราะมีทั้งข้อมูลรถและคนขับแต่ก็ยังเกิดเหตุที่ไม่น่าให้อภัยนี้ได้ มองไปในภาพใหญ่ระดับประเทศประเทศไทยเป็นประเทศเด่นเรื่องส่งออกและท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามา ย่อมมีการเรียกใช้รถจากแอปฯ เป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางของพวกเขาแน่นอน แล้วแบบนี้ความปลอดภัยพวกเขาเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร

“ความสุขชั่วคราวของใครบางคนอาจเป็นฝันร้ายของใครอีกคนไปชั่วชีวิต” บาดแผลทางจิตใจอาจจะรักษาไม่ได้ การเห็นคนรักต้องคอยเดินทางรับการรักษาต้องกินยาหลายขนาน ต้องเจาะเลือดที่แขนจนเป็นรอยซ้ำ ๆ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ สะดุ้งตื่นหวาดผวา ต้องการมีกำลังใจที่จะผ่านไปในแต่ละวัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จึงไม่อยากให้มีใครโชคร้ายและเจ็บปวดแบบที่เราได้ประสบพบเจอ

ขณะที่หญิงสาวผู้เสียหาย ได้โพสต์ แสดงความเสียใจกับคำตัดสินจำคุกคนร้าย 3 ปี ซึ่งดูน้อยเกินไป ทั้งที่เธอนั้นต้องเผชิญกับครึ่งปีที่สู้กับ โรค PTSD หรือ ภาวะความผิดปกติทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังพบเหตุการณ์ความรุนแรง เธอพยายามสู้มาตลอดแต่รู้สึกเหมือนสู้ต่อไม่ไหว หากคนร้ายข่มขืนไม่โดนประหาร ก็ขอให้เธอนั้นเป็นคนโดนประหารเองก็ได้ เพราะแม้เธอจะรอดออกมา แต่ก็เหมือนตายทั้งที่มีลมหายใจ โพสต์ของผู้เสียหายระบุว่า

“หนูต้องการให้โทษจำคุกเท่าไหร่?

“มันจะ 3 ปี หรือ 10 ปี ตอนนี้ก็ไม่สำคัญกับหนูแล้ว เหมือนเค้าเห็นเราไม่มีค่าไปแล้ว ในฐานะมนุษย์หญิงคนหนึ่ง หนูผิดอะไรเหรอคะ ผิดที่หนูเกิดเป็นผู้หญิง หนูผิดที่หนูอ่อนแอสู้ไม่ได้เหรอคะ

กลับไปคำถามบน “ว่าหนูอยากให้เค้าจำคุกเท่าไหร่” หนูอยากให้ได้โทษสูงสุด 20 ปีค่ะ แต่การที่หนูขอไปแล้ว “มันไม่ได้” ก็ขอเป็นประหารได้ไหมคะ ถ้าคนร้ายไม่ยอมโดนประหาร ก็ประหารหนูไปเถอะค่ะ

ทุกวันนี้ หนูอยู่ก็เหมือนหนูตายทั้งที่มีลมหายใจ “ประหารหนูเถอะค่ะ” ถ้าหนูขอแล้วไม่ได้…ก็ไม่เป็นไรค่ะ… ถ้าเค้าอยากจำคุกแค่3ปีอยากออกมาอยู่กับลูกกับเมียเค้า ก็ไม่เป็นไรค่ะ“

ประหารหนูเถอะค่ะ

“หนูอาจจะไปสบายและมีความสุขมากกว่านี้ไม่ต้องมาหลับตาลงก็เห็นแต่หน้าคุณ ทั้งที่ง่วงมากๆ นอนไม่ได้เลยสักคืน ทั้งๆ ที่ทานยานอนหลับทานข้าวไม่ลง ไม่แรงจะเหลือสู้ไหวแล้วค่ะหนูจะมีกำลังที่ไหนไปสู้คะ

“ประหารหนูก็ได้นะคะ ไม่เป็นไรค่ะ”