จากกรณีที่มีทนายอาสาจากกลุ่ม “ทนายอาสา ปรึกษาในกลุ่มฟรี โดยทนายอาชีพ” โพสต์แฉพ่อค้าไก่หมุน ปลอมตั๋วทนายขึ้นว่าความมาหลายคดี ปลอมคำพิพากษาหลอกลูกความ ล่าสุดทางสภาทนายความในพระบรมราชปถัมภ์ ได้เผยแพร่ แถลงการณ์สภาทนายความ เรื่อง ทนายความปลอม ว่า
- ทะแนะของจริง “พ่อค้าไก่หมุน” ปลอมตั๋วทนาย เหิมถึงขั้นปลอมคำพิพากษา ล่าสุดเกมแล้ว
แถลงการณ์สภาทนายความ เรื่อง ทนายความปลอม
ตามที่ปรากฎข่าวกรณีได้มีผู้ที่ไม่ได้เป็นทนายความ ทำการปลอมแปลงหลักฐานการเป็นทนายความ และไปดำเนินคดีในชั้นศาล ดังความแจ้งอยู่แล้วนั้น
สภาทนายความในพระบรมราชปถัมภ์ ได้ทำการตรวจสอบแล้ว ไม่ปรากฏชื่อบุคคลที่ถูกกล่าวหาดังกล่าวว่า เป็นผู้ที่ผ่านการอบรมและทดสอบวิชาว่าความจากสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ และไม่ได้จดทะเบียนรับใบอนุญาตให้เป็นทนายความแต่อย่างไร ส่วนเลขหมายใบอนุญาตให้เป็นทนายความที่ทำการปลอมแปลงนั้น ก็เป็นของทนายความท่านอื่น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับผู้ปลอมแปลงใบอนุญาตให้เป็นทนายความแต่ประการใด
การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528 สภาทนายความในพระบรมราชปถัมภ์ โดย ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ จะได้ทำการมอบอำนาจให้นายชัยวัฒน์ บุญเกี้อ นายทะเบียนสภาทนายความ ไปดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวโดยเด็ดขาดในทันที
วันนี้ (5 ต.ค. 65) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร พูดคุยกับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี พ.ต.ท.สุวิศ พิชอ่อน ได้ข้อมูลว่า เรื่องราวดังกล่าวเกิดจาก ผู้ต้องหาได้รับว่าความให้ผู้เสียหายในคดีแพ่ง ในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ จากนั้นได้แจ้งผู้เสียหายว่าชนะคดีได้ ให้ผู้เสียหายดูคำพิพากษาของศาล พร้อมเรียกรับเงินจากผู้เสียหายเป็นค่าดำเนินการ ต่อมาผู้เสียหายได้ตรวจสอบคำพิพากษาดังกล่าวปรากฏว่า ไม่มีคำพิพากษาในคดีดังกล่าว และไม่มีคดีดังกล่าวในสารระบบของศาลจังหวัดกำแพงเพชร จึงเข้าพบพนักงานสอบสวนที่จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อแจ้งความดำเนินคดี จากนั้นพนักงานสอบสวนจังหวัดนครสวรรค์จึงประสานมายัง สถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร
เมื่อทราบเรื่องดังกล่าว ศาลจังหวัดกำแพงเพชรจึงได้ทำการตรวจสอบเลขที่คดี ซึ่งพบว่าไม่มีคดีดังกล่าวอยู่ในสารระบบ และได้ทำการตรวจสอบรายชื่อทนาย ปรากฏว่าไม่พบผู้ต้องหาอยู่ในรายชื่อของสภาทนายความ โดยทราบว่าผู้ต้องหาได้ปลอมแปลงตั๋วทนายเพื่อใช้ในการว่าความ สร้างความเสียหายให้กับศาลเป็นอย่างยิ่ง จึงได้แจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร และถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหาถูกฝากขังอยู่ที่เรือนจำกลางจังหวัดกำแพงเพชรเรียบร้อยแล้ว
ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านของผู้ต้องหา ซึ่งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 6 ตำบลคนฑี อำเภอเมือง จ.กำแพงเพชร เพื่อพบกับแม่ของผู้ต้องหา ซึ่งอยู่อาศัยในบ้านหลังดังกล่าว กับหลานสาวอีกสองคน ซึ่งเป็นลูกของผู้ต้องหา โดยแม่เปิดเผยว่า ตนไม่รู้ว่าลูกชายทำความผิดอะไร ก่อนหน้านี้สองปีลูกชายเคยขายไก่หมุนอยู่ในพื้นที่อำเภอไทรงามและอำเภอทรายทองวัฒนา หลังจากนั้นก็กลับมาอยู่ที่บ้านแล้วรับว่าความ ส่วนในรายละเอียดตนไม่รู้เรื่อง รู้แต่เพียงว่าลูกชายหาเงินมาจุนเจือครอบครัว โดยขณะนี้รู้สึกเป็นห่วงลูกชาย อยากจะไปประกันตัวออกมา ตั้งแต่ถูกจับกุมตัวไปตนก็ยังไม่ทราบข่าวคราวเกี่ยวกับลูกชายอีกเลย ไม่อยากให้ลูกติดคุก เนื่องจากลูกเป็นเสาหลักของครอบครัว หาเงินส่งเสียเลี้ยงดูทั้งตัวเองและลูกสาวอีกสองคน หากขาดลูกชายไป ตนก็ยังไม่รู้ว่าจะอยู่กันยังไง