ศาลนัดฟังคดี หมอ รพ.ตร. เมาแล้วขับปอร์เช่ ซิ่งชนเก๋ง 7 พ.ย. นี้

ศาลนัดฟังคดี “หมอปอร์เช่” เมาซิ่งชนเก๋ง

วันนี้(6 พ.ย. 65 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ 7 พ.ย. 65 ที่ศาลอาญาธนบุรี เวลา 9.00 น. ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด (สำนักอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาธนบุรี 4) โจทก์ร่วม น.ส.ผ่องเพชร ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ฟ้องนายแพทย์ (สบ1) กลุ่มงานศัลยกรรม รพ.ตำรวจ เป็นจำเลย ในความผิดฐานขับรถขณะเมาสุรา และโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส ขับรถเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนดและขับรถที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อมในเวลาต้องห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต

โดยพฤติการณ์กล่าวหาการกระทำความผิด สรุปว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 64 จำเลยได้ขับรถปอร์เช่ ป้ายแดง เวลาหลังพระอาทิตย์ตกแล้วไปตาม ถ.ราชพฤกษ์ แขวงบางจาก เขตภาษีเจริญ ในขณะที่จำเลยเมาสุราโดยมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขับรถความเร็วเกินกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่กฎหมายกำหนด จนพุ่งชนท้ายรถยนต์ฮอนด้าซีวิคได้รับความเสียหายอย่างมาก ซึ่งผู้โดยสารในรถยนต์ซีวิค 2 คน (ชาย-หญิง) ถึงแก่ความตาย และหญิงที่ขับขี่รถยนต์ซีวิคคันดังกล่าวได้รับอันตรายสาหัส

สำหรับคดีนี้นายกานต์พงศ์ ลูกผู้เสียชีวิต กล่าวว่า คดีนี้จำเลยได้กลับคำให้การจากปฏิเสธเป็นรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหาในชั้นศาล และจำเลยได้ขอให้ศาลตัดสินโทษสถานเบา หากจำเลยได้ชดเชยเยียวยาผู้เสียหายตามสมควร โดยอ้างว่าตนยังเป็นนักศึกษาแพทย์ ไม่มีรายได้มากมาย อีกทั้งบริษัทที่ตัวเองถือหุ้นใหญ่อยู่เป็นของพ่อแม่ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ในส่วนรถยนต์ปอร์เช่ที่ใช้ก่อเหตุมีราคามากกว่า 7 ล้านบาท

และจดทะเบียนในนามบริษัทของครอบครัวจำเลย ซึ่งตนและนางสาวผ่องเพชร น้องสาวตน (ผู้บาดเจ็บ) มองว่า นายแพทย์(ผู้ก่อเหตุ)ไม่มีความจริงใจ พยายามสู้คดีเมาแล้วขับและทุกข้อหาอื่นๆ มาโดยตลอด การเยียวยาก็อ้างว่าไม่มีเงิน เป็นแค่หมอจบใหม่ ครอบครัวไม่ได้มาช่วยเหลือ และปฏิเสธทุกข้อหามาตลอด บอกว่าตัวเองจะสู้คดีเมาแล้วขับให้รอด บริษัทประกันจะได้ยอมจ่ายเงินชดเชยให้เหยื่อเพิ่ม แม้ว่าจะปรากฏฐานะชัดเจนว่าครอบครัวผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้ขัดสน แต่รับผิดชอบกับการกระทำตัวเองไม่ได้ ทางจำเลยวางเงินค่าสินไหมทดแทนสำหรับครอบครัวตนที่ศาลเป็นจำนวนเงิน 1.5 ล้านบาท

สำหรับการเสียชีวิตของพ่อตน และ 1 ล้านบาท สำหรับผู้บาดเจ็บสาหัสซึ่งเป็นน้องสาว รวมกันราคาสองชีวิตยังไม่ถึงครึ่งของมูลค่ารถปอร์เช่ที่ผู้ก่อเหตุขับชน จึงหวังว่าศาลจะให้ความเป็นธรรม ลงโทษอย่างเหมาะสม โดยไม่มีการรอลงอาญา