รวบหนุ่มแสบอ้างเป็นตำรวจ บังคับตรวจปัสสาวะ ขู่กรรโชกทรัพย์เรียกเงิน

วันที่ 27 พฤษภาคม 2566 พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.บางซื่อ พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ พร้อมด้วยตำรวจสายตรวจและตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.บางซื่อ ได้ร่วมกันจับกุมนายปิยะวัฒน์ อายุ 39 ปี ชาวจ.นครปฐม พร้อมของกลางอาวุธมีด 2 เล่ม และได้ตรวจยึดหมวกแก็ปสีดำมีตราตำรวจหน้าหมวก, เสื้อคลุมสีกรมมีตราตำรวจหน้าอก ด้านซ้ายระบุข้อความว่า inspector 231 chiang rai, ตราสัญลักษณ์ตำรวจ ระบุข้อความ สืบสวนบางซื่อ, กุญแจมือ จำนวน 2 อัน, ชุดทดสอบสารเสพติดในปัสสาวะ(เมทแอมเฟตามีน) จำนวน 15 ชุด และชุดทดสอบสารเสพติดในปัสสาวะ(กัญชา) จำนวน 1 ชุด, ไฟฉาย จำนวน 1 กระบอก, สติกเกอร์สัญลักษณ์ตำรวจนครบาลสีชมพู โดยจับกุมได้บริเวณด้านหลังสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ(จตุจักร) ถนนกำแพงเพชร5 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เวลา 05.30 น. ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากก่อนเกิดเหตุตำรวจได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผู้มาใช้บริการ บริเวณด้านหลังสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ(จตุจักร) ถนนกำแพงเพชร5 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการตรวจค้นจับกุมผู้โดยสารฯ โดยการจับไปตรวจปัสสาวะ หากพบว่ามีสารเสพติดอยู่ในร่างกายของผู้โดยสารฯ จะร่วมกันกรรโชกทรัพย์เรียกเงินจากผู้โดยสารฯ เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปตรวจสอบ พบนายปิยะวัฒน์ ท่าทางมีพิรุธ มีลักษณะอันควรสงสัยว่าจะมีสิ่งของผิดกฏหมายชุกซ่อนอยู่เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว เพื่อทำการขอตรวจสอบและตรวจค้น ก่อนตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงความบริสุทธิ์ใจเป็นที่พอใจของนายปิยะวัฒน์แล้วจึงลงมือทำการตรวจค้น ขณะตรวจค้นมีแสงไฟส่องสว่างจากไฟฟ้าสาธารณะและแสงไฟส่องสว่างจากไฟฉายของเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายเจ้าหน้าที่ได้สอบถามนายปิยะวัฒน์ว่ารถยนต์ โตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ คันดังกล่าวที่จอดอยู่ใกล้เคียงเป็นของผู้ใด นายปิยะวัฒน์ให้การยอมรับว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นของตน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอตรวจค้นภายในรถคันดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญตัวนายปิยะวัฒน์ มายังสน.บางซื่อ เพื่อทำประวัติและตรวจยึดของกลางดังกล่าวไว้เพื่อตรวจสอบ

เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาพกพาอาวุธมีดไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป