น้ำตาหนุ่มอีสาน ทำงานอยู่เกาหลี ไม่รู้เมียถูกหวย 12 ล้าน กลับมาเจอเรื่องช็อกซ้ำ

หนุ่มอีสานสุดช้ำ ทำงานอยู่เกาหลี ส่งเงินให้เมียใช้ทุกเดือน ไม่รู้เมียถูกหวย 12 ล้าน บินกลับมาเจอเมียแต่งงานใหม่แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายนรินทร์ หรือ เอก อายุ 47 ปี ชาวจังหวัดชัยภูมิ เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจาก นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอให้ช่วยเหลือ

หลังแต่งงานอยู่กินกับภรรยานานกว่า 20 ปี จนมีลูกด้วยกัน 3 คน ตนเองไปทำงานที่ประเทศเกาหลีส่งเงินให้ภรรยาใช้ทุกเดือน แต่หลังภรรยาถูกลอตเตอรี่ รางวัลที่ 1 ได้เงิน 12 ล้าน กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ที่ซ้ำร้ายกว่านั้นยังแอบหนีไปแต่งงานกับชายคนใหม่ เป็นนายตำรวจควบคุมฝูงชน ทำให้ตนเองเสียใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าเมียรักที่อยู่ด้วยกันมานานกว่า 20 ปี จะทำร้ายจิตใจตนเองได้ถึงขนาดนี้

นายนรินทร์ หรือ เอก เล่าทั้งน้ำตาอีกว่า ตนกับภรรยาชื่อ นางสาวหวี (ขอสงวนชื่อนามสกุลจริง) อายุ 45 ปี แต่งงานอยู่กินกันมานานกว่า 20 ปี จนมีลูกสาวด้วยกัน 3 คน มีความเป็นอยู่ฐานะยากจน ครอบครัวเป็นหนี้กว่า 2 ล้านบาท

ตนกับภรรยาจึงปรึกษากันและตัดสินใจเดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีด้วยกันทั้งสองคนในปี 2557 ต่อมาตนได้ทราบข่าวจากทางคุณพ่อว่า แม่ของตนเองเสียชีวิตลง ตนกับภรรยาจึงปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรดี

สุดท้ายภรรยาบอกว่าถ้าเรากลับทั้งสองคนก็ยังใช้หนี้ที่เหลือไม่หมด ให้ตนตัดสินใจให้ดี ตอนนั้นภรรยาตนตั้งครรภ์ 7 เดือน ตนจึงตัดสินใจให้ภรรยาเดินทางกลับประเทศไทย โดยตนเองทำงานส่งให้ภรรยาใช้ทุกเดือน เดือนละ 27,000-30,000 บาท

จนกระทั่งตนมาทราบจากลูกและพ่อของตนเองว่าภรรยาตนเองถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 มีนาคม 64 เป็นลอตเตอรี่หมายเลข 835538 ภรรยาได้เงินมาทั้งสิ้น 12 ล้านบาท แต่ก็ไม่เคยบอกตนเองให้รู้เลย ตนทราบจากลูกว่าให้พ่อรีบกลับมาอย่าลำบากอยู่ที่นู่นเลย เพราะแม่ถูกลอตเตอรี่แล้ว

ตนพยายามโทรติดต่อพูดคุยกับภรรยา แต่เขาก็ไม่รับสายอีกทั้งยังบล็อกเบอร์โทรศัพท์ บล็อกเฟซบุ๊กตนเอง ตนเองจึงได้เดินทางกลับมาที่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 มี.ค. เพื่อที่จะไปหาภรรยากับลูกทั้งสามคน โดยเฉพาะลูกสาวคนที่ 3 ตนยังไม่เคยเห็นหน้าเลย

ปรากฏว่าพ่อของตนเองได้บอกกับตนว่า ภรรยาตนแต่งานไปแล้วเมื่อวันที่ 25 ก.พ. กับนายตำรวจนายหนึ่ง ตอนนั้นตนเองรู้สึกช็อกทำอะไรไม่ถูก เสียใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าเมียรักที่อยู่กินด้วยกันมานานกว่า 20 ปี จะทำร้ายตนเองได้ขนาดนี้

ตอนนี้ตนทำอะไรไม่ถูกจริงๆ เพราะตนก็ไม่เหลืออะไรแล้ว เงินที่ได้จากการทำงานที่ประเทศเกาหลีก็ส่งมาให้ภรรยาใช้ทุกเดือน จนเหลือติดตัวอยู่เพียง 60,000 บาท อยากให้ทนายรณณรงค์ช่วยเหลือ ในด้านเรียกร้องขอความเป็นธรรม ในส่วนที่ตนควรจะได้รับ

ด้าน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า อย่างแรกเลยถ้าเขาไม่ได้อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา ฝ่ายชายไม่จำเป็นต้องส่งเงินให้เดือนละเกือบ 30,000 บาท แสดงว่าเขายังอยู่กินกัน ขณะที่เขาซื้อลอตเตอรี่ต้องแบ่งคนละครึ่งตามกรรมสิทธิ์ร่วม

ส่วนสามีใหม่ที่มาแต่งงานเป็นตำรวจ น่าจะรู้ว่าเขายังไม่เลิกกัน ถ้าเขาเลิกกันแล้วทางนี้จะส่งเงินให้ทำไม ผู้ชายเขาส่งเงินให้ไปเลี้ยงดูครอบครัวไม่ใช่แค่ไปเลี้ยงลูกแล้วคุณไม่แจ้งเขา ผู้ชายสามารถยื่นเอาผิดทางวินัยได้ โทษหนักสุดออกจากราชการตำรวจได้

ต่อให้เขาจะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่อยู่กินกันและมีคนรับรู้ในหมู่บ้านว่าเป็นผัวเมียกัน ผัวไปทำงานที่เกาหลีเมียเลี้ยงลูกอยู่ชัยภูมิ ลองคุยกันดูว่าจะเอายังไง ลูกสองคนมีคนนึงโตแล้วแต่มีอีกคนที่ยังเล็กอยู่ ต้องแบ่งทรัพย์สินเพราะผู้ชายบอกไม่เหลืออะไรเลย

ผู้ชายส่งเงินมาให้เมียปีละเกือบ 340,000-350,000 บาท ทุกปีตั้งแต่ทำงานที่เกาหลี ลูกบอกว่าพ่อมีเงินแค่ 60,000 บาท ตัวพ่อมีแค่นี้ไม่เหลืออะไรเลย ส่วนในด้านคดีต้องไปฟ้องศาลเพื่อขอแบ่งกรรมสิทธิ์คนละครึ่งคนละ 6 ล้านบาท