“ตู่ ปิยวดี” เล่านาทีรู้ว่า วิ่งไม่ได้ตลอดชีวิต! เข้าออก รพ. จนเชื่อเรื่องเจ้ากรรมนายเวร

เป็นอีกปีที่ต้องเข้าออกโรงแทบจะไม่ได้พักเลยจริงๆ สำหรับ ตู่-ปิยวดี มาลีนนท์ ไม่ว่าจะเป็นกรณีผ่าตัดหัวเข่า อาการปวดท้องเพราะแบคทีเรียลงกระเพาะ ไปจนถึงเรื่องของต้อลมบริเวณดวงตาเนื่องจากใช้โทรศัพท์มือถือในที่แสงน้อยมากเกินไป

โดยล่าสุดขณะที่เดินทางมาร่วมงานแถลงข่าว SEWA 5TH Anniversary & New Product Launching เจ้าตัวก็ได้ถือโอกาสออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพดังกล่าว พร้อมเผยความเชื่อส่วนบุคคลว่าที่เจ็บป่วยตลอดทั้งปีแบบนี้อาจเป็นผลมาจากเจ้ากรรมนายเวร

“สำหรับอาการป่วยเรื่องขานะคะ ขาดีขึ้นคะ แต่ก็ยังคงต้องทำกายภาพอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าหลังจากได้รับการผ่าตัดกล้ามเนื้อมันจะลีบลง ลีบลงไปแบบต่างกันครึ่งๆ เลย ดังนั้นตอนนี้เราจึงต้องทำกายภาพเพื่อให้กล้ามเนื้อกลับมาเร็วๆ ซึ่งตัวคุณหมอเองก็ระบุเหมือนกันว่าอีกนานไหน เนื่องจากทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับเราด้วย เราขยันแค่ไหน”

“ถามว่าเรื่องนี้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตไหม เอ่อ…ก็จะเป็นแบบ ถ้าเดินเยอะๆ จะเมื่อยค่ะ โดยเฉพาะข้างที่มีปัญหาจะรู้สึกได้เลยว่ามันเมื่อยมากกว่าอีกข้าง เช่นเดียวกันกับการใส่รองเท้าส้นสูง เมื่อก่อนเราเคยใส่ได้ถึง 6 นิ้ว แต่ตอนนี้ก็ต้องลดลง”

“ตอนที่คุณหมอบอกว่าจะวิ่งไม่ได้อีกแล้วในชีวิตนี้ คือ…คุณหมอไม่แนะนำเลยค่ะ ไม่แนะนำให้วิ่งอีกแล้วเลย ซึ่งจริงๆ แล้วตอนนั้นเรากำลังฝึกวิ่งอยู่ด้วย เพราะเรามีความฝันว่าเราอยากวิ่งมินิมาราธอน แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ก็ต้องดับฝันไป แต่ไม่เป็นไรค่ะวิ่งไม่ได้ แค่ยังเดินได้ก็โอเคแล้ว”

ตู่ ปิยวดี

หลังจากผ่าตัดแล้ว หลังจากกายภาพบำบัดแล้ว เราก็ยังไม่ควรวิ่งเหรอ ?
“เคยถามคุณหมอเหมือนกันค่ะว่าถ้าเราฝึกกล้ามเนื้อไปเรื่อยๆ มันจะสามารถทำให้กลับมาวิ่งได้ไหม ซึ่งคุณหมอท่านก็พูดกลับมาแค่คำว่า ไม่แนะนำ”

ตอนนี้อาการดีขึ้นมากกว่าเดิมแค่ไหน ?
“ถือว่าดีขึ้นประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์แล้วนะคะ เพียงแต่ถ้าเราใส่ส้นสูงบ่อยๆ หรือเดินกระแทกมากๆ มันก็จะมีอาการบวมให้เห็นนิดหน่อย ซึ่งเราก็ต้องกินยาที่กินประจำอยู่ทุกวัน”

นอกจากจะมีปัญหาเรื่องขาแล้ว ตาเราก็มีปัญหาด้วย ?
“เรื่องของเรื่องก็คือตอนนั้นเราไปหาคุณหมอเพราะปวดท้อง แต่อยู่ดีๆ คุณหมอก็ถามขึ้นมาว่า เราใช้มือถือเยอะหรือเปล่า ใช้มือตอนไม่มีแสงหรือเปล่า เพราะเขาเห็นเหมือนว่ามีเยื่อขาวๆ ในตา ซึ่งเบื้องต้นคุณหมอก็ให้หลีกเลี่ยงการใช้มือถือในที่ไม่มีแสงไปก่อน แต่จริงๆ แล้วการเป็นต้อลมเราไม่จำเป็นต้องผ่าตัดนะคะ และก็ไม่ร้องรักษาอะไรมากมาย เพียงแค่เราต้องลดการใช้มือถือให้น้อยลง”

“ถามว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตไหม เอ่อ..อย่างเช่นเวลาใช้อินสตาแกรมเราก็จะตอบน้อยลง หรือเวลาตื่นนอนเราก็จะเปิดม่านก่อนจับโทรศัพท์มือถือ ส่วนเวลาก่อนนอนก็จะเปิดไฟไว้ก่อนตลอด คือพยายามไม่ใช้โทรศัพท์มือถือในที่มืด เพราะเอาจริงๆ ถ้าเราไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตอนนี้ ในอนาคตเราอาจจะเป็นมากขึ้นก็ได้”

ตู่ ปิยวดี

ปีนี้เรื่องสุขภาพเต็มๆ ทั้งช่วงบน-ช่วงล่าง ?
“ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรค่ะ คิดแค่ว่าเป็นแล้วก็รักษา แต่ตอนนี้เริ่มคิดถึงเรื่องของเจ้ากรรมในเวร เพราะปีนี้เป็นปีที่ป่วยบ่อยมากจริงๆ ตั้งแต่ต้นปีเราเข้าโรงพยาบาล 3 รอบแล้ว คือบ่อยค่ะ บ่อย ซึ่งล่าสุดเราเริ่มหันมาใช้วิธีแบบสวดแผ่เมตตาแล้วด้วยเหมือนกัน ขอขมากรรมทุกอย่าง เพราะมันหนักทุกอันเลย แต่ว่าตั้งแต่เริ่มสวดมนต์แผ่เมตตาก็รู้สึกตัวเองดีขึ้นนะ ทำอะไรก็มีสมาธิมากขึ้น”

อะไรทำให้เราคิดว่านี่เป็นเรื่องของเจ้ากรรมนายเวร ?
“เพราะทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น คุณหมอท่านจะพูดแบบ ปกติไม่เจอนะ เคสแบบนี้เจอน้อยมาก เคสแบบที่เกิดมาแล้วกระดูกเข่า 2 ชิ้นใหญ่ไม่เท่ากัน ส่วนเรื่องแบคทีเรียลงกระเพาะก็เจอยากมากเหมือนกัน เพราะเป็นแบคทีเรียที่คุณหมอเองท่านก็ไม่เจอมาหลายปีมากแล้ว มันเลยทำให้เรารู้สึกแบบเอ๊ะ! ทำไมมันต้องมาอยู่ที่เราด้วย”

ตอนนี้เราตั้งเป้าเรื่องการทำบุญยังไง ?
“ก็คิดว่าจะไปทำบุญเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ค่ะ”

สามีให้กำลังใจยังไงบ้าง ?
“เขาก็มาเฝ้าตลอดค่ะ มาคอยให้กำลังใจ และก็จะพูดแบบ ตู่เข้าโรงพยาบาลไม่ต้องห่วงนะ เพราะของกินรอบโรงพยาบาลอร่อยมาก เขาเอนจอยกับชีวิตในโรงพยาบาลมาก”