เปิดชีวิตผู้บริสุทธิ์ที่ถูกจองจำ 13 ปี จากชีวิตที่อยู่สงบสุขกับครอบครัว จู่ๆ ก็สูญเสียทุกอย่างเพราะซื้อ “เสื้อกันหนาวสีเขียว” ตัวเดียว
ในปี พ.ศ.2548 นายเตือง (นามสมมุติ) ได้รับการปล่อยตัวหลังจากติดอยู่ในเรือนจำคุกเป็นเวลานานถึง 13 ปี ในข้อหาลักทรัพย์และปล้นอาวุธ ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่ใช่เลย เขาไม่ได้ทำความผิดใดๆ แต่เรื่องราวกลับเพิ่งได้รับการพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้กระจ่างหลังจากการพ้นโทษแล้ว เขาถูกตัดสินว่าเป็นผู้บริสุทธิ์หลังจากถูกจำคุกอย่างไม่ยุติธรรมเป็นมากกว่าสิบปี พร้อมได้รับการชดเชยเป็นจำนวนเงิน 530,000 หยวน (ประมาณ 2.5 ล้านบาท)
จากผู้ชายที่มีครอบครัวที่มีความสุข มีชีวิตที่มั่นคง ตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรอยู่ในมือเลย หลังจากติดคุกมา 13 ปี ภรรยาและลูกก็ทอดทิ้งไป พ่อแม่เส้นเลือดในสมองตีบเพราะช็อกหลังจากที่ลูกชายถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาไม่ได้เห็นหน้าพ่อแม่เป็นครั้งสุดท้ายด้วยซ้ำ เมื่อกลับไปยังบ้านเก่าพบว่าทั้งบ้านว่างเปล่า ความทรงจำมากมายจึงย้อนกลับมาทำให้เขาเศร้าโศกและหดหู่ใจ แม้จะได้รับการพิสูจน์ความบริสัทธิ์และได้รับการชดเชยบางอย่าง แต่ก็ไม่สามารถชดเชยทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องเผชิญได้
เรื่องราวเริ่มขึ้นในปี พ.ศ.2534 ในมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน เกิดการปล้นหลายครั้งทำให้ผู้คนตื่นตระหนกไม่เป็นอันกินอันนอน โจรมักจะบุกเข้าไปในบ้านของผู้คนในเวลากลางคืน ใช้อาวุธและความรุนแรงเพื่อขู่ปล้น ตำรวจและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสืบสวนอย่างแข็งขัน แต่ไม่พบผู้ต้องสงสัย ทางด้าน “นายเตือง” ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียง ก็ได้ยินเรื่องการขโมยแต่ไม่ได้สนใจมากนัก เขาเป็นชาวนาธรรมดา มีภรรยาและลูก 3 คน ชีวิตถือได้ว่ามีฐานะดี มีความซื่อสัตย์และมีความรับผิดชอบ
กระทั่งปลายปี พ.ศ.2534 ช่วงใกล้วันตรุษจีน นายเตืองกลับจากทำงาน เขาตัดสินใจซื้อของบางอย่างให้ครอบครัวเพื่อต้อนรับปีใหม่ ไม่เพียงซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ภรรยาและลูกเท่านั้น ยังซื้อเสื้อคาร์ดิแกนสีเขียวให้ตัวเองด้วย โดยตั้งใจว่าจะสวมใส่เพื่ออวยพรวันปีใหม่ให้กับญาติๆ ของเขา ไม่เคยคาดคิดว่าเพียงเพราะเสื้อตัวนี้ เขาจะตกลงไปในหลุมแห่งโศกนาฏกรรม
ในเดือนเมษายน พ.ศ.2535 ระหว่างที่นายเตืองกำลังดูแลภรรยาและลูกคนที่ 3 ที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นาน ตำรวจบุกเข้าไปในบ้านและจับกุมเขา ในตอนแรกเขายังไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น จนเมื่อถูกสอบสวนจึงรู้ว่าตำรวจสงสัยว่าเขาคือโจรที่ออกโจรกรรมครั้งล่าสุด สาเหตุเพราะมีคนแจ้งว่าเสื้อกันหนาวสีเขียวที่เขาใส่อยู่ถูกขโมยไป เขาได้ฟังก็สับสนอย่างมาก รีบปฏิเสธทุกอย่างทันที พยายามอธิบายว่าเขาเพิ่งซื้อเสื้อกันหนาวมือสองที่ตลาดโดยไม่รู้ที่มาของมัน
แต่ตำรวจไม่เชื่อ อีกทั้งยังทุบตีและทรมานเขา บังคับให้เขาสารภาพ หลังจากทรมานอยู่หลายวันและคิดว่าเขากำลังจะตาย นายเตืองรู้สึกเจ็บปวดและหวาดกลัวมาก เขาตัดสินใจสารภาพอย่างอับจนหนทาง อย่างไรก็ดี แม้นายเตืองสารภาพ แต่หลักฐานก็ยังไม่สมบูรณ์ เพราะเขาไม่ได้ก่ออาชญากรรม ดังนั้นคำให้การจึงคลุมเครือและไม่สอดคล้องกัน แต่สุดท้ายก็ยังถูกควบคุมตัวเป็นเวลา 5 ปี ก่อนที่ศาลจะพิจารณาคดี แม้ว่าขั้นตอนการสืบสวนจะชุ่ยมาก แต่ศาลก็ยังตัดสินว่านายเตืองมีความผิด เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 540 เขาถูกตัดสินจำคุก 16 ปี
เมื่อคิดว่านายเตืองจะต้องรับผิดไปตลอดชีวิต “นายหลี่” (นามสมมุติ) ตำรวจคนหนึ่งซึ่งอยู่ในทีมสอบสวนหลักของคดีนี้ สงสัยในความจริงของคำสารภาพ ชี้ให้เห็นความไม่สอดคล้องกันในคำให้การของผู้ต้องสงสัยกับผู้บังคับบัญชาของตนเองซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยหวังว่าจะสอบสวนคดีนี้อีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการอนุมัติ อีกทั้งยังเกือบจะถูกกล่าวหาว่ารับสินบนจากนายเตืองอีกด้วย
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2540 นายหลี่ได้พบกับนายซิน (นามสมมุติ) ผู้ที่ทำงานในองค์กรเพื่อประชาชน ซึ่งมีประสบการณ์การฟ้องร้องที่กว้างขวาง ผ่านการพิจารณาคดีมาหลายคดี เขาจึงได้นำเอกสารคดีเตืองมาให้ช่วยทำวิเคราะห์ เมื่อตรวจสอบเอกสารจนครบก็เห็นด้วยว่ามีรายละเอียดที่ไม่ชัดเจนในคดี ตั้งแต่ต้นจนจบมีเพียงหลักฐานเดียวเกี่ยวกับเสื้อกันหนาวสีเขียว พยานและหลักฐานไม่ชัดเจน ดังนั้นการตัดสินจึงคลุมเคลือจริงๆ
หลังจากพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว นายซินตัดสินใจรื้อคดีนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เขาเดินทางไปเรือนจำเพื่อพบกับนายเตือง ซึ่งอีกฝ่ายยืนยันว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ อย่างไรก็ดี เนื่องจากเวลาผ่านไปนานมากแล้ว ทำให้การสอบสวนพบความยากลำบากหลายประการ โชคดีที่ยังพบช่องโหว่ที่เป็นหลักฐานสำคัญ คือในช่วงเวลาที่เกิดการปล้นขึ้นนั้น เป็นช่วงเวลาที่ชัดเจนว่านายเตืองทำงานอยู่ที่อื่น
สุดท้าย ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2546 ศาลประชาชนได้รับการอุทธรณ์ที่เกี่ยวข้องกับคดีของนายเตือง และเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2548 นายเตืองก็พ้นข้อกล่าวหาในที่สุด เขาได้รับการปล่อยตัวหลังจากถูกจำคุกอย่างไม่ยุติธรรมเป็นเวลา 13 ปี และได้รับการชดเชย 530,000 หยวน (ประมาณ 2.5 ล้านบาท) แน่นอนว่าเงินจำนวนนั้นไม่สามารถชดเชยความโชคร้ายที่ต้องทนอยู่ถึง 13 ปีได้