“อนุทิน” เผย ยังไม่ได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล – “ศักดิ์สยาม” ไร้กังวล ก้าวไกลแฉซุกหุ้นเพิ่ม

“อนุทิน”ยันยังไม่ได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล แจงคุยเพื่อไทยแค่หารือไม่ได้เป็นการเชิญร่วมรัฐบาล ขณะที่ “ศักดิ์สยาม” ไม่กังวลก้าวไกลแฉเพิ่ม ยันไม่ได้มีหุ้นนี้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ส่งฝ่ายกฏหมายชี้แจงพรุ่งนี้

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมร่วม สส. ของพรรค ถึงกระแสข่าวว่าพรรคภูมิใจไทยในอันดับที่ 3 จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ระบุว่า คำตอบก็เหมือนเดิม ตอนนี้เรายังไม่ได้เป็นแกนนำใดๆ ทั้งสิ้น ข้อเท็จจริงคือเรามีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ก็ถูกผลักออกไป เป็นแค่การหารือกัน

เมื่อถามว่า การหารือกับพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เป็นการเชิญร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ยัง คนที่เป็นแกนนำก็คือพรรคเพื่อไทย มีเพียงการเชิญไปพูดคุยเท่านั้น และได้ลงมาแถลงข่าวอย่างที่ทุกคนทราบ

เมื่อถามถึงความชัดเจนของ 8 พรรคร่วมฯ เหมือนจะยังไม่เรียบร้อย และมีการเสนอว่าอาจจะรอไปอีก 10 เดือน เพื่อให้ สว. หมดวาระไปก่อนนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าถามว่าพรรคภูมิใจไทยต้องรออีก 10 เดือน ก็ไม่มีเหตุอะไรที่ต้องรอ เราก็ต้องส่งกำลังใจให้กับผู้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หรือ พรรคเพื่อไทย หากส่วนไหนที่เราสามารถพูดคุยกันได้ ช่วยเหลือกันได้ก็มาคุยกัน และยังไม่มีการพูดคุยอะไรกับพรรคเพื่อไทยเพิ่มเติม เขาคงจะต้องไปพูดคุยกับกลุ่มพวกเขาเองก่อน

เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่พรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้ประกาศชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค และเริ่มมีมวลชนมากดดัน นายอนุทิน ไม่ได้ตอบ พร้อมส่ายหัว และยิ้ม เมื่อถามอีกว่า ถ้าพรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้จริงๆ พรรคภูมิใจไทยในฐานะอันดับ 3 มีแนวทางอย่างไรบ้าง นายอนุทิน กล่าวว่า ให้มันจบตรงนี้ก่อน ทุกคนต้องการให้บ้านเมืองไปข้างหน้าอย่างเดียว และมีเป้าหมายตรงกัน ตรงไหนที่เราช่วยเหลือหรือสนับสนุน ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปร่วมด้วย

ขณะที่ทางด้าน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคก้าวไกลเปิดหลักฐานเพิ่มเติมคดีซุกหุ้นจนนำมาสู่การที่ศาล สั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว ว่า ไม่มีอะไรเรามีเอกสารหลักฐานยืนยัน ตนไม่ได้มีหุ้นนี้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2562แล้ว จะให้ทีมกฎหมายรวบรวมข้อมูลแล้วชี้แจงกับสื่อมวลชนอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ค.66) ส่วนสถานที่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ตนมีหลักฐานชัดเจนเพราะการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ต้องตรวจให้เรียบร้อยและยิ่งเป็นบุคคลสาธารณะ ยิ่งต้องทำให้ดี

เมื่อถามว่าตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่าเหตุใดจึงมีการแถลงข่าวอีกครั้ง หลังจากที่เรื่องผ่านไปนานแล้วหรืออาจเป็นเพราะพรรคภูมิใจไทยจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายศักดิ์สยาม กล่าวว่าต้องถามคนที่ตั้งประเด็น ตนมีหน้าที่ชี้แจง เพราะเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วและเราก็เชื่อมั่นในกระบวนการ

ส่วนบริษัทที่นายศักดิ์สยามถือหุ้นไปรับงานของรัฐบาลนั้นนายศักดิ์สยาม ชี้แจงว่า ไม่เกี่ยวกัน นั่นเป็นตอนที่ตนเคยบริหาร การประมูลงานของรัฐ เป็นการดำเนินการตามระเบียบพัสดุอยู่แล้ว เมื่อมีการประกวดราคา บริษัทที่มีคุณสมบัติก็มีหน้าที่ไปซื้อแบบ แล้วเข้าประมูลโดยวิธีอีบิดดิ้ง ไม่ใช่วิธีพิเศษอะไร เพราะฉะนั้นบริษัทที่ได้งานในประเทศไทยมีไม่รู้เท่าไหร่ ถ้ามีคุณสมบัติและยื่นตามกระบวนการที่ถูกต้อง แล้วได้งานชนะก็เป็นความชอบธรรมของเขาในการดำเนินการ อย่ามาบอกว่าเป็นของใครและตนขอยืนยันว่าตนไม่มีข้อเกี่ยวข้องกับห้างหุ้นส่วนบุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น ตั้งแต่ปี 2562 และไม่กังวลใดๆ เพราะการตรวจสอบบุคคลสาธารณะเป็นเรื่องปกติ

“ที่ผ่านมาเมื่อศาลสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ เรามีหน้าที่รวบรวมข้อมูลไปชี้แจง ส่วนที่เรื่องช้าเพราะเข้าใจว่า เอกสารของผู้ยื่นร้อง มีจำนวนมากกว่า 600 หน้า แต่ละข้อก็ต้องไปรวบรวมเอกสารมาชี้แจงเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ซึ่งก็มีเป็นหลัก 1000 หน้า แต่ยืนยันว่ามีความพร้อมในการชี้แจงทั้งหมด”นายศักดิ์สยามกล่าว

ส่วนกระแสข่าวถ้าพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็เป็นหน้าที่ของพรรคอันดับสามอย่างภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ไม่ทราบ ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ชี้แจงแล้วว่าพรรคภูมิใจไทยยึดมั่นในหลักการ สิทธิในการจัดตั้งรัฐบาลต้องเป็นของพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่งก่อน ถ้าหนึ่งไม่ได้ก็สองและถ้าสองไม่ได้ก็สามและถ้าไปตรวจสอบการจัดตั้งรัฐบาลในอดีตพรรคการเมืองที่สามารถรวบรวมเสียงได้เกินเสียงในระบบทั้งหมดก็ได้เป็นรัฐบาล ซึ่งปี 2562 ก็เป็นแบบนั้น และถ้าย้อนไปตั้งแต่สมัยหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ ที่มี 18 เสียง ก็เป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะฉะนั้นการจะอ้างอะไรต้องพูดให้ครบตอนนี้ก็รอดีกว่า