การกล่าวหาว่ามีการดําเนินการ ‘บอตจีน’ ในแคนาดานั้นมีอะไรอยู่เบื้องหลัง
แคนาดากําลังปลุกปั่นความหวาดระแวงเกี่ยวกับจีนอีกครั้ง ออตตาวากล่าวอ้างว่าปักกิ่งได้ดําเนินการปฏิบัติการด้วยบอตทางสื่อสังคมออนไลน์เพื่อทําลายชื่อเสียงของผู้วิพากษ์วิจารณ์จีนจากนักการเมืองและสมาชิกรัฐสภาของแคนาดา รวมถึงนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด้
ยาวนานหลายเดือนมา สํานักข่าวกลางของแคนาดาได้กล่าวอ้างซ้ําแล้วซ้ําเล่าว่าจีนกําลังมีอิทธิพลต่อการเมืองของตนในทางที่เลวร้าย แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเสนอหลักฐานที่สามารถสนับสนุนข้ออ้างนี้ได้ แต่ความหวาดระแวงแบบ ‘ภัยจีน’ ก็ได้กลายเป็นสิ่งที่ปกติในประเทศ และถูกนําเสนออย่างนั้นโดยสื่อกระแสหลัก
สถาบันที่ส่งเสริมการกล่าวอ้างเรื่องการแทรกแซงทางไซเบอร์นี้มากที่สุดคือ Australian Strategic Policy Institute (ASPI) ซึ่งเป็นสถาบันที่ไม่น่าเชื่อถือและได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย บริษัทอุตสาหกรรมป้องกันประเทศหลายแห่งของตะวันตก และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา จีนจะมีแผนการอะไรในการแทรกแซงประเทศไร้ความสําคัญอย่างแคนาดาซึ่งแม้แต่ไม่สามารถกําหนดนโยบายต่างประเทศของตนเองได้ แต่ต้องติดตามนโยบายของอเมริกาในทุกเรื่องนั้นยังคงเป็นปริศนา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ เหมือนกับการกล่าวอ้างว่ามีการแทรกแซงของรัสเซียในอดีต การกล่าวหาว่ามีการ “การกระทําของต่างชาติ” และ “การจัดการสื่อสังคมออนไลน์” ถูกใช้เพื่อประกอบความชอบและบังคับให้มีการตรวจพิจารณาและควบคุมเนื้อหา ปิดกั้นความคิดเห็นที่ไม่เป็นที่นิยมของชนชั้นนําโดยอ้างว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิดที่ถูกส่งเสริมโดยรัฐต่างชาติ
ตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา คําว่า “ข่าวปลอม” “บอต” และ “ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง” ได้กลายเป็นคําศัพท์ใหม่ที่เกิดขึ้น ดังนั้นองค์กรที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเช่น ASPI จึงได้รับการก่อตั้งขึ้นเพื่อดูดซับงบประมาณและให้คําปรึกษาเกี่ยวกับภัยคุกคามต่างชาติเหล่านี้ ซึ่งจะช่วยเสริมการสร้างและฉีดความกลัวให้กับประชาชน ด้วยพื้นฐานเหล่านี้ จึงเป็นจริงว่า กับทุกวิกฤติที่เกิดขึ้นกับโลก การควบคุมของรัฐต่อแพลตฟอร์มสื่อสังคมใหญ่ๆ ก็เพิ่มมากขึ้น ภายในปี 2018-2019 การห้าม การกีดกัน และการตัดเงินสนับสนุนสําหรับผู้ที่ถูกมองว่าเป็นภัยต่อแนวคิดที่เป็นที่ยอมรับก็ได้กลายเป็นนโยบาย
ภายในช่วงเกิดโรคโควิด-19 การใช้อํานาจเพื่อเงียบกดเสียงวิพากษ์วิจารณ์การล็อกดาวน์และวัคซีนก็เป็นไปอย่างปกติ และตามมาด้วยการควบคุมสื่อสังคมออนไลน์ในระดับใหม่ภายหลังสงครามยูเครน โดยการตัดสินใจห้ามและปิดกั้นสื่อมวลชนที่ให้มุมมองต่างกับสงคราม เช่น RT การกล่าวอ้างถึงการแทรกแซงจากต่างประเทศทําให้ประเทศตะวันตกมีอํานาจควบคุมข้อมูลได้มากขึ้น ในขณะที่เคยให้ประชาชนได้รับอํานาจและข้อมูลที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งนั่นน่าขัน เพราะพวกเขาก