สะใภ้รู้สึกผิด โวยยับแม่ผัวป้อนโจ๊กร้อนๆ ให้หลาน แถมใส่กระดูกมาด้วย เพิ่งรู้ที่แท้ท่านป่วย

สะใภ้เดือด ลูกร้องไห้จ้าเพราะแม่ผัวป้อนโจ๊กร้อนๆ คนถึงก้นชามยิ่งช็อก ใส่กระดูกอะไรมา?! แต่สุดท้ายเรื่องพลิก แม่ผัวป่วยไม่ได้ตั้งใจทำร้ายหลาน แต่ป่วยไม่มีใครรู้

เว็บไซต์ phunuphapluat.nguoiduatin.vn ของเวียดนาม รายงานเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่เล่าว่า ก่อนแต่งงานเธอเป็นพนักงานออฟฟิศ และสามีของฉันเป็นผู้จัดการฝ่ายขายของโชว์รูมรถยนต์ ในด้านเศรษฐกิจสามีสามารถหาค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้เต็มที่ ดังนั้นหลังจากที่เธอตั้งท้องเขาจึงเริ่มวางแผนว่าหลังคลอดเธอควรอยู่บ้านเลี้ยงลูก จนกว่าลูกจะโตพอที่จะเข้าโรงเรียนอนุบาลก่อนค่อยกลับไปทำงาน นั่นทำให้เธอรู้สึกมั่นคงในตัวสามี จึงตัดสินใจเตรียมตัวสำหรับคลอดลูก และยื่นขอลางานอย่างไม่มีกำหนด

หลังจากลูกน้อยลืมตาดูโลกแล้ว เธอก็อยู่บ้านเลี้ยงลูกตามที่ได้วางแผนกันเอาไว้ การดูแลลูกน้อยไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมีทั้งผู้ช่วยทำงานบ้านที่สามีจัดหามาให้ และยังมีแม่สามีที่อาศัยอยู่ห่างออกไปไม่กี่ช่วงตึกแวะเวียนมาคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ ทั้งนี้ เนื่องจากสามีของเธอเป็นลูกคนเดียวจึงถูกแม่เลี้ยงดูมาเองทุกขึ้นตอน และตอนนี้แม่สามีก็มาเลี้ยงดูลูกของลูกชายด้วย แม่สามีไม่ได้ออกไปสังสรรค์หรือเข้าร่วมชมรมนอกหลักสูตรต่างๆ เลยตั้งแต่หลานชายเกิด ดังนั้นเธอจึงรู้สึกขอบคุณแม่สามีมากๆ มาเสมอ

อย่างไรก็ดี จนแล้วจนรอดก็มีเรื่องทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ เพราะแม่สามีมักแสดงอาการแปลกๆ ออกมาตลอด เช่น ป้อนโจ๊กที่เพิ่งต้มเสร็จเดือดๆ จากหม้อให้หลานกิน จนทำให้เด็กทารกร้องไห้จ้าเสียงดัง เธอได้ยินเสียงจึงรีบวิ่งออกมาดู ก่อนจะพบกับชามโจ๊กร้อนๆ จนต้องถามแม่สามีว่า “ทำไมโจ๊กถึงร้อนจัง แม่ได้ทำตามที่ฉันบอกหรือเปล่า” ในตอนนั้นแม่สามีแตะชามโจ๊กซ้ำอีกครั้ง และพูดว่า “ใช่ ฉันทำตามที่บอก ไม่คิดว่ามันจะร้อนขนาดนี้” คำตอบที่ได้รับทำเอาเธออึ้งไม่น้อย

เมื่อรู้ดังนั้นครั้งต่อไปที่แม่สามีต้มโจ๊กให้หลานกิน เธอจึงอดไม่ได้ที่จะไปยืนเฝ้าอยู่เสมอ เป็นแบบนั้นสิบกว่าครั้ง และทุกครั้งจะเห็นว่าแม่สามีตั้งใจจะเอาโจ๊กร้อนๆ มาป้อนหลานทันทีที่มันสุก นั่นทำให้เธอโกรธมาก สุดท้ายจึงตัดสินใจบอกไปตรงๆ ว่า “ฉันอยู่บ้านว่างๆ แม่ไม่ต้องมาทำโจ๊กให้อีกต่อไปแล้ว แม่แค่อยู่บ้านตัวเอง ฉันจะโทรหาแม่เองถ้าฉันต้องการให้ช่วยอะไร” เธอรู้ว่าการพูดแบบนี้อาจทำให้แม่สามีเสียใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือกเพราะแม่สามีมักจะทำตรงข้ามกับที่เธอบอกเสมอในการดูแลหลาน ซึ่งทำให้เธอรู้สึกจนปัญญาจริงๆ

กระทั่งในเย็นวันเดียวกันนั้น ขณะที่แม่ยังคงยืนทำโจ๊กให้หลานชายอยู่ เธอก็ย้ำอีกครั้งว่าให้กลับบ้านไปพักผ่อนซะแต่เนิ่นๆ เธอจะโจ๊กต่อและเป็นคนป้อนลูกด้วยตัวเอง แต่แม่สามียังคงยืนยันที่จะทำอาหารให้เสร็จ แล้วค่อยตักใส่ชามออกมาวางบนโต๊ะก่อนจะกลับไป อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เธอหยิบชามโจ๊กขึ้นมาก็สังเกตเห็นบางอย่างแปลกๆ จึงใช้ช้อนค้นก้นชามขึ้นมา และยิ่งตกใจเมื่อพบว่ามันคือ “กระดูกซี่โครง” แม่สามีจะเอากระดูกใส่ลงไปในโจ๊กให้เด็กอายุแค่ 9 เดือนกินทำไม

ถึงตอนนี้เธอเริ่มกลับมาย้อนคิดเรื่องนี้อย่างรอบคอบมากขึ้น จำได้ว่าก่อนหน้านี้แม่สามีบอกว่าจะทำข้าวต้มกุ้งให้เธอแล้ววางทิ้งไว้บนโต๊ะ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นข้ามต้มซี่โครงหมู เห็นได้ชัดว่าเป็นวัตถุดิบที่แตกต่างกัน และเธอเชื่อว่าแม่สามีของฉันไม่ได้พูดผิดหรือจงใจแกล้ง แสดงว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น ดังนั้น จึงนำเรื่องนี้ไปเล่าให้สามีฟัง และเล่าถึงเหตุการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เมื่อสามีได้ฟังก็ประหลาดใจ เช้าวันต่อมาทั้งคู่จึงตัดสินใจพาแม่สามีไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล และผลตรวจก็ทำให้เธอถึงกับร้องไห้

ปรากฎว่าแม่สามีเป็นโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุมานานแล้ว โดยที่เธอและสามีไม่เคยรู้เลย และเรื่องราวแปลกๆ ที่ดูไร้สาระทั้งหมดที่เธอทำก็เป็นผลมาจากโรค อย่างไรก็ดี แม้ว่าเธอจะป่วยจนหลงลืมสิ่งต่างๆ แต่ความรักที่เธอมีต่อหลานชายก็ไม่ได้ถูกลืมไปด้วย นั่นคือเหตุผลที่แม้ว่าสุขภาพของเธอจะอ่อนแอลง จนลืมแม้แต่สิ่งที่เพิ่งพูดไป แต่เธอก็จำสิ่งหนึ่งได้อยู่เสมอ คือต้องดูแลหลานของเธอ ทำและป้อนโจ๊กให้หลานของเธอกิน ดังนั้น ลูกสะใภ้จึงรู้สึกผิดมากๆ ที่เคยพูดจาไม่ดีใส่แม่สามี