คู่รักเปิดห้องจัดหนัก เสร็จกิจมองเพดานแล้วเอ๊ะ มีเครื่องจับควัน 2 อัน ลุกดูใกล้ๆ ร้องไห้โฮ!

สาวร้องไห้อย่างหนัก เปิดห้องมีเซ็กซ์กับแฟนหนุ่ม ก่อนมองเพดานแล้วเอ๊ะ ทำไมมีเครื่องจับควัน 2 อัน รีบลุกขึ้นดูใกล้ๆ ถึงรู้ถูกแอบถ่ายภาพลับ

คู่สามีภรรยาชาวอเมริกันยื่นฟ้องเจ้าของโมเตล ทั้งคู่เชื่อว่าเจ้าของโรงแรมแห่งนี้มีเจตนาร้าย จงใจติดตั้งกล้องที่ซ่อนอยู่หลายตัว เพื่อบันทึกภาพส่วนตัวที่ละเอียดอ่อนของลูกค้า

ตามเอกสารของศาลระบุว่า ในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2565 นายคริสเตียน และนางเคย์ลี คู่สามีภรรยาชาวอเมริกัน ได้เดินทางจากรัฐเท็กซัส ไปเที่ยวพักผ่อนที่รัฐแมริแลนด์ โดยเช่าบ้านพักตากอากาศผ่านแอพจองที่พักยอดนิยม

หลังเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ได้อาบน้ำด้วยกันและมีเพศสัมพันธ์กันในห้องน้ำ ก่อนที่จะออกมานอนบนเตียงเพื่อพักผ่อนดูทีวี ตอนนั้นเองที่มองขึ้นไปบนเพดานและสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ โดยปกติแล้วห้องหนึ่งควรมีเครื่องตรวจจับควันเพียงเครื่องเดียวเท่านั้น แต่ในห้องนี้กลับมีถึง 2 เครื่อง และตำแหน่งการติดตั้งก็ดูน่าสงสัยมากๆ

คุณเคย์ลี และคุณคริสเตียน ตัดสินใจตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ซึ่งทำให้ค้นพบความจริงที่น่าตกใจ เครื่องตรวจจับควันไม่ใช่เครื่องตรวจจับควัน แต่มันเป็นกล้องแอบถ่ายที่ถูกซ่อนไว้อย่างซับซ้อน หลังจากนั้นทั้งคู่จึงเริ่มค้นหากล้องที่อาจจะซ่อนอยู่ในจุดต่างๆ อีก และค้นพบว่ามีกล้องอีกตัวที่ซ่อนอยู่ในห้องน้ำที่พวกเขาเพิ่งมีเซ็กส์กัน ทั้งคู่ตกใจและกลัวมากจึงเปลี่ยนไปพักที่โรงแรมอื่นทันที พร้อมทั้งรายงานเหตุการณ์ให้ตำรวจทราบ

“ฉันร้องไห้หนักมาก เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันคิดถึงเรื่องนี้ หัวใจของฉันก็เต้นแรงมาก ฉันกลัวมากเมื่อคิดว่าตัวเองถูกแอบถ่าย” คุณเคย์ลีเล่า พร้อมทั้งบอกว่าหลังจากเหตุการณ์นั้นเธอและสามีต้องทนทุกข์กับความวุ่นวายทางอารมณ์ต่างๆ นาๆ ทั้งรู้สึกละอายใจ หดหู่ และไร้ศักดิ์ศรี

หลังจากได้รับข้อมูลตำรวจก็มาเข้าไปที่บ้านพักดังกล่าว ตรวจสอบและตรวจค้นอย่างละเอียด ก่อนค้นพบว่าไม่ได้มีกล้องซ่อนอยู่เพียง 2 ตัวเท่านั้น แต่ยังมีอีกตัวในห้องใต้ดินของที่พัก ซึ่งในเวลานั้นมีแขกอีกคนเข้าพักอยู่ด้วย โดยกล้องถูกปลอมเป็นเครื่องตรวจจับควันเช่นเดียวกัน

คุณเคย์ลี และคุณคริสเตียน รู้สึกเดือดดาลเมื่อรู้เรื่องนี้ พวกเขาตัดสินใจยื่นฟ้องเจ้าของบ้านพัก ในข้อหาแอบถ่าย บุกรุกความเป็นส่วนตัวอย่างผิดกฎหมาย และเรียกค่าชดเชย 75,000 ดอลลาร์ (2.5 ล้านบาท) ในขณะที่ทนายความก็ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่ทั้งคู่กำลังเผชิญอยู่ เนื่องจากไม่มีใครแน่ใจว่าภาพในกล้องที่แอบถ่ายไปนั้น ถูกส่งไปยังผู้อื่นหรือเผยแพร่ไปยังผู้อื่นทางอินเทอร์เน็ตหรือไม่

อย่างไรก็ดี ทางเจ้าของบ้านพักได้ตอบสนองต่อข้อกล่าวหาเหล่านี้ ปฏิเสธการกระทำผิดกฎหมายใดๆ เขาย้ำว่าเขาไม่ได้เป็นคนติดตั้งกล้องแอบถ่ายเหล่านั้น แม้จะถูกทนายอีกฝ่ายโต้แย้งว่าเป็นไปได้ที่แขกที่มาเช่าบ้านจะติดตั้งกล้องนี้ แต่เขาก็ยังคงยืนกรานปฏิเสธ อีกทั้งยังขัดขวางการสืบสวนของตำรวจ โดยปฏิเสธที่จะให้เข้าค้นห้องอื่นๆ ในบ้านพัก ซึ่งขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างการสอบสวน